“MJD-NUSA” แจงไตรมาส 2 รายได้-กำไรเพิ่มถ้วนหน้า แจงต้นทุนขายขยับขึ้นส่งผลกำไรสุทธิ ด้าน “ESTAR” เผยไตรมาส 2 ล้างขาดทุนสะสมแล้ว พร้อมโชว์กำไรสุทธิ 21.24 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 188% หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 45.40 ล้านบาท หลังผลประกอบปี 2556 ขาดทุนสะสมรวม 24.16 ล้านบาท
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวว่า ในปี 2556 บริษัทฯ มีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิรวม 24.16 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2/2557 นี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานรวม 21.24 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 45.40 ล้านบาท คิดเป็น 188% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯ
โดยรายได้หลักที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/57 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการอาคารชุดพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ 2 โครงการและโครงการบ้านจังหวัดระยอง โดยมีรายได้กว่า 306.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 117.65 ล้านบาท คิดเป็น 62% เมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีรายได้รวม 188.88 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการขายอสังหาฯ และบริการที่เพิ่มขึ้นในปี 2557 จำนวน 205.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 66.95 ล้านบาท คิดเป็น 48% เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีต้นทุนการขายและบริการรวม 138.10 ล้านบาท
ด้านนายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ผู้อํานวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) สิ้นสุด ณ 30 มิ.ย. 2557 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 80.44 ล้านบาท คิดเป็น 144.41% ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในงวดนี้มาจากการรับรู้รายได้จากการขายโครงการอาคารชุด 843.28 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2556 จำนวน 529 ล้านบาท คิดเป็น 59.41% และมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น รายได้จากการริบเงินมัดจําล่วงหน้าจากลูกค้าจํานวน 100.49 ล้านบาท
ขณะที่ต้นทุนขายในไตรมาส 2/57 นี้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 181.29 ล้านบาท คิดเป็น 53.35% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 127.16 ล้านบาท คิดเป็น 79.42% ซึ่งเกิดจากโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขายใหม่ ประกอบกับบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มขึ้น
นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กล่าวว่า ผลการดำเนินงานรวมไตรมาส 2 บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิ 29.32 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,267.66% จากงวดเดียวกันของปี 2556 ที่มีผลกำไรสุทธิ 2.14 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 2/57 นี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 325.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.63% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นจากการขายบ้านพร้อมที่ดินจำนวน 119.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 117.74% และมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดจำนวน 98.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.00% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากการให้เช่าพื้นที่ในห้องชุดและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง มีการปรับลดลง 1.09 ล้านบาท หรือลดลง17.74% ทำให้ในไตรมาสนี้บริษัทยังมีกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน
สำหรับต้นทุนการขายในไตรมาส 2/57 นี้ มีจำนวน 214.20 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 155.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 266.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการขายห้องชุดและขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้เพิ่มขึ้นเป็นผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นไปด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในงวดนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 69.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 24.04 ล้านบาท คิดเป็น 53.17% จากปีก่อน โดยรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย, ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์, ค่าใช้จ่ายด้านบุคคลกร และอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมีการเร่งการขายและโอนกรรมสิทธิ์มากขึ้น