หุ้นปิดร่วง 2 จุด โบรกฯ ชี้ เป็นการปรับฐาน หลังจากวานนี้ ดีดตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก เนื่องจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามามาก และแรงซื้อจากกองทุนในประเทศ ส่งผลให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยสูงขึ้นไปที่ 16 เท่า แนะติดตามการดำเนินนโยบายต่างๆ ตามแผนของ คสช. ที่ได้วางโรดแมปไว้ก่อนหน้านี้ ต่างประเทศแนะจับตาเศรษฐกิจยุโรป-จีน ที่มีแนวโน้มชะลอตัว
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 ส.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,541.97 จุด ลดลง 2.58 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 56,334.39 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,552.66 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ปิดตลาด คือ 1,538.67 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยทั้งวันที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงเป็นการปรับฐานหลังจากวานนี้ดีดตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก เนื่องจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามามาก และแรงซื้อจากกองทุนในประเทศ ส่งผลให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยสูงขึ้นไปที่ 16 เท่า ดังนั้น วันนี้จึงมีการพักฐาน
ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามช่วงนี้ คือ การดำเนินนโยบายต่างๆ ตามแผนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ได้วางโรดแมปไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามภาพรวมเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปและจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนด้วย
“วานนี้หุ้นไทยปรับขึ้นไปมาก เพราะกำลังซื้อที่เข้ามาจากเงินทุนต่างประเทศ และกองทุนในประเทศไทย ในขณะที่ปัจจัยต่างๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำให้วันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานลงมาบ้าง” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในรูปของการปรับฐานต่อเนื่องจากวันนี้ โดยมองว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,530-1,550 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1. JAS มูลค่าการซื้อขาย 4,521.18 ล้านบาท ปิดที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25
2. CK มูลค่าการซื้อขาย 1,962.97 ล้านบาท ปิดที่ 27.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
3. KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,785.17 ล้านบาท ปิดที่ 23.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30
4. TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,748.81 ล้านบาท ปิดที่ 10.10 บาท ลดลง -0.30
5. TMB มูลค่าการซื้อขาย 1,568.89 ล้านบาท ปิดที่ 2.92 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง