แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ กำไรงวดนี้พุ่ง 232% ผลดีจากต้นทุนขายที่ต่ำลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มและกำไรในการขายสูงขึ้น
นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า มีกำไรสุทธิ 101.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 30.41 ล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 232.83 % เมื่อเปรียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นในสัดส่วนของต้นทุนขาย โดยเกี่ยวเนื่องมาจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์
โดยงวดนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 33,805.58 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 24.24% จากไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ขณะงวดหกเดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 64,873,185 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 12.99% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556
ทั้งนี้ การลดลงของรายได้จากการขายนั้น มาจากการความต้องการที่ลดลงของสินค้ากลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และสินค้าในกลุ่ม PCBA อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์ และเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (set-top-box) ยังคงมียอดขายที่เติบโตขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายไตรมาส 2 ปีนี้ 32,531.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96.23% ของรายได้จากการขาย ซึ่งลดลงจาก 96.86% ของรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ส่วนอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 3.14% เป็น 3.77% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2556
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีต้นทุนขาย 62,453.39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96.27% ของรายได้จากการขาย ซึ่งลดลงจาก 96.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อัตราส่วนกำไรขั้นต้น ขณะงวดหกเดือนแรกเพิ่มขึ้นจาก 3.28% เป็น 3.73% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นของบริษัทฯนั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่บริษัทฯมีส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไตรมาสที่ 2 ปี 2557 เป็น 1,120.82 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.32% ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.14% ของรายได้จากการขายในปี 2556 ขณะที่งวด 6 เดือนมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนั้น เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทและบริษัทย่อยต่างๆ ในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา, ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพื่อสนับสนุนลูกค้าของบริษัทฯ และเพื่อเพิ่มการดำเนินงาน ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ผลมาจากการสนับสนุนแผนการขยายโรงงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการขายในไตรมาสปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสอดคล้องกับการสนับสนุนการขยายโรงงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปัจจุบัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะมีเข้ามาในปีต่อๆไป
นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า มีกำไรสุทธิ 101.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 30.41 ล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 232.83 % เมื่อเปรียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นในสัดส่วนของต้นทุนขาย โดยเกี่ยวเนื่องมาจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์
โดยงวดนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 33,805.58 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 24.24% จากไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ขณะงวดหกเดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 64,873,185 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 12.99% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556
ทั้งนี้ การลดลงของรายได้จากการขายนั้น มาจากการความต้องการที่ลดลงของสินค้ากลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และสินค้าในกลุ่ม PCBA อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์ และเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (set-top-box) ยังคงมียอดขายที่เติบโตขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายไตรมาส 2 ปีนี้ 32,531.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96.23% ของรายได้จากการขาย ซึ่งลดลงจาก 96.86% ของรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ส่วนอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 3.14% เป็น 3.77% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2556
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีต้นทุนขาย 62,453.39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96.27% ของรายได้จากการขาย ซึ่งลดลงจาก 96.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อัตราส่วนกำไรขั้นต้น ขณะงวดหกเดือนแรกเพิ่มขึ้นจาก 3.28% เป็น 3.73% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นของบริษัทฯนั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่บริษัทฯมีส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไตรมาสที่ 2 ปี 2557 เป็น 1,120.82 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.32% ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.14% ของรายได้จากการขายในปี 2556 ขณะที่งวด 6 เดือนมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนั้น เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทและบริษัทย่อยต่างๆ ในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา, ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพื่อสนับสนุนลูกค้าของบริษัทฯ และเพื่อเพิ่มการดำเนินงาน ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ผลมาจากการสนับสนุนแผนการขยายโรงงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการขายในไตรมาสปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสอดคล้องกับการสนับสนุนการขยายโรงงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปัจจุบัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะมีเข้ามาในปีต่อๆไป