บอร์ด เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ อนุมัติขายโรงแรม “Movenpick Hotel” พร้อมที่ที่ดิน 858.9 ล้านบาท แก่ “พรเทพ พรประภา” คาดต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ
น.ส.อนงค์ ศรีสวัสดิ์อำไพ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (APX) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัททำสัญญาขายโรงแรม Movenpick Hotel ในราคา 858.9 ล้านบาท ให้แก่ นายพรเทพ พรประภา ประธานบริษัท ทองถาวรพัฒนา จำกัด และกรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทสยามกลการ โดยบริษัทได้รับเงินวางมัดจำในสัญญาแล้ว 60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา
ส่วนที่เหลือชำระภายใน 30 วัน นับจากวันทำสัญญา โดยสัญญาซื้อขาย Movenpick Hotel ดังกล่าวประกอบด้วย ที่ดินจำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ 4-3-79 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงแรม Movenpick Hotel ในโครงการ “Movenpick White Sand Beach” ซึ่งเป็นอาคารสูง 34 ชั้น ห้องพัก จำนวน 264 ห้อง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 156.5 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีความเห็นว่า การขายดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์หลักของบริษัทในการพัฒนาอสังหาฯ เป็นอาคารชุดพักอาศัย และโรงแรมเพื่อการขาย ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลกำไร
บริษัทได้ทำสัญญากับผู้ซื้อคือ นายพรเทพ พรประภา แล้วในวันที่ 19 มิ.ย.57 ตามราคาซื้อขาย โดยบริษัทจะนำเม็ดเงินดังกล่าวไปลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ของบริษัท เช่น โครงการบริเวณอ่าวปอ (ติดริมทะเล) ต.ป่าครอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
“ก่อนหน้านี้ นายพรเทพ พรประภา ประธานบริษัท ทองถาวรพัฒนา จำกัด และกรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทสยามกลการ ต้องการลงทุนพัฒนาสนามกอล์ฟ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ได้แข่งขันเรื่องราคา แต่เป็นการแข่งขันที่ทำเลที่โดดเด่น โดยบริษัทมีที่ดินขนาดกว่า 6,000 ไร่ ที่ พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งที่ผ่านมา ได้สร้างสนามกอล์ฟไปแล้ว 2 แห่ง ภายใต้ชื่อสยามคันทรีคลับ ได้แก่ “Siam Country Pattaya Old Course” ขนาด 18 หลุม ภายใต้บรรยากาศหุบเขา สนามที่ 2 “Siam Country Club Pattaya Plantation” บรรยากาศวิวพาโนรามา และที่สร้างชื่อเสียงอย่างมาก คือ การจัดการแข่งขัน “HONDA LPGA THAILAND” โดยทั้ง 2 สนาม สามารถสร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาท/ปี”
ทั้งนี้ ที่ดินแปลงดังกล่าวใช้เนื้อที่ไปแล้ว 2,200 ไร่ และได้บริจาคให้แก่มูลนิธิพรประภาเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย 700-800 ไร่ รวมถึงบริจาคเพื่อสร้างวัดอีก 6 ไร่ ปัจจุบันเหลือที่ดินรอการพัฒนาประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งขณะนี้ได้มีบริษัทจากญี่ปุ่นเข้ามาศึกษาว่าสามารถพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวในรูปแบบใด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดิน ส่วนการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยเชื่อว่าขณะนี้ยังไม่เหมาะสม เนื่องจากมีโครงการบ้าน และคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมากในพัทยา และชลบุรี
