บิ๊ก PCA ฟุ้งเวลาทองมาถึง กระแสทีวีดิจิตอลมาแรง จ่อเข็นบริษัทฯ เข้าเทรดในตลาดหุ้น mai ตั้งเป้าระดมทุน 75 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 2.80 บาท/หุ้น เผยนำรายได้จากการขายขายหุ้นครั้งนี้นำมาเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน และขยายกิจการ ตั้งเป้ารายได้โต 15-20%
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย หรือ PCA กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวน 210 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทฯ โดยปี 2557 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากธุรกิจเดิม ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจกล่องทีวีดิจิตอลที่เริ่มทำการตลาดในปีนี้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 5-10% จากมูลค่าตลาดรวม
“PCA ดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตสูงเพราะงานด้านเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมมีอยู่ต่อเนื่อง เพราะมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีตลอดเวลา และบริษัทฯ มีทีมวิศวกร รวมทั้งทีมพัฒนาวิจัยที่มีศักยภาพรองรับการเติบโตดังกล่าว ด้วยความเชี่ยวชาญ และทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งจากธุรกิจวางระบบโทรคมนาคม และ “Set Top Box” ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในการจองซื้อหุ้นครั้งนี้”
ทั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ซึ่งจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 16-18 มิถุนายน 2557 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “PCA”
ขณะเดียวกัน หลังจาก บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว จากเดิมที่ นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ เข้าถือหุ้นร้อยละ 45 และครอบครัวนายเทรเวอร์ จอห์น ทอมสัน ถือหุ้นร้อยละ 45 โดยภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครอบครัวนายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 31.50 และครอบครัวนายเทรเวอร์ จอห์น ทอมสัน จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 31.50 เช่นเดียวกัน บริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน PCA มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 175 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท โดยภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทุนจดทะเบียนชำระแล้วจะเพิ่มเป็น 250 ล้านบาท