xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสัวเจริญเบรกสร้างเวิ้งนาครเขษม ส่งทีมเจรจาชุมชนยันให้ค้าขายพื้นที่เดิม คาด 1 เดือนสรุปแผนรื้อถอน ค่าเช่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัลลภา ไตรโสรัส
กลุ่มเจ้าสัวเจริญ” เบรกสร้างเวิ้งนาครเขษม หลังผู้เช่าฆ่าตัวตาย ยอมรับเสียใจ พร้อมส่งทีมเจรจาชุมชนต่อ ยืนยันให้ค้าขายในพื้นที่เดิม ระบุไม่ต้องการแสวงหากำไรจากโครงการนี้ ด้านแหล่งข่าวเผยอีก 1 เดือนสรุปแนวทางรื้อถอน ค่าเช่าใหม่ พร้อมสิทธิพิเศษผู้เช่าเดิม ด้าน “โสมพัฒน์” เชื่อมือทีมเศรษฐกิจของ คสช.พร้อมขอบคุณที่สานต่อโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นความเชื่อมั่นภาคเอกชน เผยเบรกลงทุน 3 โครงการใหญ่มูลค่าเกือบหมื่นล้าน รอโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ของ คสช.

นางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด (ลูกสาวคนรองของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอการลงทุนพัฒนาที่ดินย่านเวิ้งนาครเขษม บริเวณถนนเจริญกรุงซอย 8-10 ที่พัฒนาในนามบริษัททีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยจะเร่งเจรจา และทำความเข้าใจต่อผู้เช่า และชุมชุนที่อาศัยอยู่เดิม เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน การพัฒนาจะแบ่งก่อสร้างไปทีละเฟส หลังรื้อถอนในแต่ละเฟสจะเร่งสร้างให้เสร็จเพื่อให้ผู้เช่าเดิมได้เข้าไปค้าขายได้ตามเดิม โดยจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี จึงจะแล้วเสร็จทั้งโครงการ

ทั้งนี้ ตามแผนเดิมจะเริ่มพัฒนาโซน 1 ก่อน ในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยการก่อสร้างอาคารจอดรถสูง 12 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชุมชน ด้วยการรื้อถอนอาคารบางส่วนประมาณ 20-30 ห้อง โดยเฉพาะตลาดปีระกา แต่หลังจากนี้จะต้องเข้าเจรจากับชุมชนอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งการพัฒนาโครงการเวิ้งนาครเขษมจะยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ คงคุณค่าทางด้านจิตใจของชุมชนเดิมเอาไว้ โดยที่ผ่านมา ได้กำชับให้ทีมงานเข้าไปร่วมหารือ และพูดคุยทำความเข้าใจกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำประเด็นที่ทางชุมชนต้องการมาหารือร่วมกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางในการเจรจา และข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท และชุมชน 

“นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และเสียใจมากที่มีผู้เสียชีวิต (นายชัชวาล อัศวโสภณ เจ้าของร้านขายเครื่องดนตรีย่งเส็ง) เพราะทางเราได้เข้าไปร่วมพูดคุย และเจรจาเพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราต้องการพัฒนาโครงการให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณ ซึ่งทางคุณพ่อ (เจริญ สิริวัฒนภักดี ) ก็ให้ความสำคัญเพราะเป็นพื้นทีที่คุณพ่อเกิด และเติบโตมาจากในย่านเยาวราชนี้ จึงเป็นพื้นที่ที่สร้างมีคุณค่าทางจิตใจ และจิตวิญญาณต่อลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีน” นางวัลลภากล่าว

นางวัลภา กล่าวยืนยันว่า แม้ว่าการลงทุนที่ผ่านมาของบริษัทจะเน้นการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อเงินลงทุน แต่สำหรับโครงการนี้ ท่านประธาน (นายเจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้ให้นโยบายว่า โครงการนี้จะเน้นไม่การสร้างหาผลกำไร เพราะถ้าให้พิจารณาจากผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไปถือว่าไม่คุ้มค่า แต่ให้มองคุณค่าในระยะยาวมากกว่า
เวิ้งนาครเขษม
จ่อสรุปค่าเช่าใหม่ เงื่อนไขการรื้อถอนภายใน 1 เดือน

สำหรับแนวทางการเจรจากับชุมชนนั้น แหล่งข่าวจาก ทีซีซี แลนด์ฯ เปิดเผยว่า จะเปิดกว้างให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ตามแนวทางที่ได้มีการเจรจาร่วมกันมาโดยตลอด เป็นการเปิดกว้างเพื่อให้ชุมชนได้เข้ามาทำธุรกิจ หรือค้าขายภายในพื้นที่เดิมได้ โดยในรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราค่าเช่า และระยะเวลาการเริ่มรื้อเพื่อสร้างอาคารจอดรถในโซน 1 อาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อดูความพร้อมของชุมชน รวมถึงความพร้อมของทางทีซีซี แลนด์ ที่จะต้องศึกษาและเข้าไปตรวจสอบสภาพอาคารเพื่อวางแผนการพัฒนาให้สอดคล้องกับวิถีการค้า และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของชุมชน

ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 เดือนหลังจากนี้ ในการเจรจาร่วมกับชุมชน ในข้อตกลงเรื่องอัตราค่าเช่า และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ชุมชนจะได้รับ รวมไปถึง เงื่อนไข และระยะเวลาในการเริ่มรื้อสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเดิมกำหนดไว้เดือนกรฎาคมที่จะถึงนี้ แต่อาจจะไม่ทันเพราะการก่อสร้างในอาคารเก่าต้องเข้าไปสำรวจ และศึกษารายละเอียดโครงสร้างเดิมค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ทีซีซี แลนด์ ต้องการให้เป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาโครงการบนชุมชนเก่าแก่ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกมาก จึงพัฒนาโครงการให้อิงกับวิถีชีวิตดั้งเดิม และให้กระทบต่อการค้าดั้งเดิมให้น้อยที่สุด

“เจ้าของบริษัทให้นโยบายมาว่า โครงการนี้ไม่ได้เน้นผลตอบแทนในรูปตัวเงินเป็นตัวตั้ง แต่เน้นในเรื่องการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ชุมชน โดยทำให้ทั้งคนในชุมชนได้อยู่อาศัย และค้าขายในบริเวณนี้ได้ต่อไปอย่างมีความสุขควบคู่กับการพัฒนา ดังนั้น จึงเน้นแค่การพัฒนาที่เกิดขึ้นเพื่อชดเชยกับดอกเบี้ยที่จ่ายไปเท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว
โสมพัฒน์ ไตรโสรัส
เบรก 3 โครงการใหญ่รอโฉมหน้ารัฐบาลใหม่

ด้านนายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเวิ้งนาครเขษม เป็นหนึ่งใน 3 โครงการขนาดใหญ่ มูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท ที่บริษัทมีแผนลงทุนในปีนี้จากแผนพัฒนาทั้งหมด 10 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการ ได้แก่ การพัฒนาที่ดินย่านเกษตร-นวมินทร์ เนื้อที่ 300-400 ไร่ ที่มีแผนจะพัฒนาเป็นศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และโครงการพัฒนาโครงการเอเชียทีค 2 ที่อยู่ฝั่งเจริญนคร โดยทั้ง 3 โครงการดังกล่าว บริษัทได้นำแผนแม่บทกลับมาทบทวนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวจึงจะเดินหน้าลงทุนต่อ

ส่วนโครงการขนาดเล็กอีก 7 โครงการ เช่น การพัฒนาศูนย์การค้าย่านเทเวศร์ รัชโยธิน บริษัทยังคงเดินหน้าการพัฒนาตามแผนเดิม รวมถึงการอาศัยช่วงที่ลูกค้าเข้าใช้บริการลดลงทำการปรับปรุงพื้นที่ในอาคารสำนักงาน รีโนเวตโรงแรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับรูปแบบของห้างสรรพสินค้าดิจิตัล เกทเวย์ เอกมัย จากเดิมเป็นสินค้าไอที สไตส์ญี่ปุ่น ได้ปรับมาเป็นอุปกรณ์กอล์ฟคลับแทน 

ทั้งนี้ ทุกโครงการที่มีแผนจะลงทุนในปีนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว แต่เมื่อภาวะการเมืองไม่สงบ และยืดเยื้อจนทำให้เศรษฐกิจของไทยตกต่ำอย่างมากจนถึงจุดต่ำสุด โดยคาดว่าตัวเลขจีพีดีในปีนี้จะติดลบ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันถือว่าเศรษฐกิจของไทยถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่าหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายุติปัญหาการเมืองด้วยการทำรัฐประหาร พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า เชื่อว่าจะทำให้ภาวะการเมืองของไทยจะสงบ และเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตขึ้น

“แม้ว่าการเมืองจะสงบลงแล้ว แต่ต้องรอดูว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะมีนโยบายการบริหารประเทศอย่างไร รวมถึงการลงทุนของภาครัฐด้วย แต่ที่ถือเป็นข่าวดีที่สุดคือ การที่ คสช. ประกาศสานต่อการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อ ซึ่งถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นแก่เอกชนให้กล้าตัดสินใจลงทุนในโครงการที่เกี่ยวเนื่อง และวางแผนให้สอดคล้องต่อการลงทุนของภาครัฐได้ และหากพิจารณาจากรายชื่อของทีมเศรษฐกิจของ คสช. เชื่อว่ามีความสามารถในการบริหารประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน” นายโสมพัฒน์กล่าว

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังถือเป็นการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของไทยเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จากเดิมที่ในช่วงโปรโมต AEC ทุกประเทศมองว่าไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ในอนาคต เพราะมีความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคมากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค แต่หลังจากมีปัญหาการเมือง ไทยก็เหมือนหยุดการพัฒนาลง โดยหวังว่าหลังจากนี้ไทยจะเดินหน้าการพัฒนาประเทศเพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

นายโสมพัฒน์ กล่าวต่อว่า โครงการเอเชียทีค ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองมาตั้งแต่ปลายปี 56 ส่งผลกระทบทั้งต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลงจากเดิมมีนักท่องเที่ยววันละ 30,000 คน ในวันธรรมดา และ 50,000 คน ในวันหยุด เสาร์ และอาทิตย์ ในจำนวนนี้เป็นชาวไทย 30% และอีก 70% เป็นชาวตางชาติ ในกลุ่มชาวต่างชาติลดลง 25%

“โดยเฉพาะช่วงที่มีการประกาศห้ามประชาชนออกนอกบ้านในระยะเวลาที่กำหนด (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 5 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากเปิดให้บริการช่วง 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปอย่างเห็นได้ชัด แต่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาบ้าง และพบว่ายอดใช้จ่ายลดลงจาก 1,200 บาท/คน เหลือ 1,000 บาท/คน โดยสินค้าที่ยังขายดีเป็นอาหาร และเครื่องดื่ม ส่วนช่วงนี้ถือว่าดีขึ้น และขอขอบคุณ คสช. ที่ขยายเวลาเคอร์ฟิวออกไปเป็นเที่ยงคืน ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่จะให้ดีสำหรับเอเชียทีคคือ ขยายเวลาเป็น 02.00 น.” นายโสมพัฒน์ กล่าว

ส่วนธุรกิจโรงแรมในเครือธุรกิจทีซีซีแลนด์ ก็ได้รับผลกระทบหลังจากการท่องเที่ยวชะลอตัวทำให้มีการยกเลิกการเข้าพักโรงแรมในเครือแล้วถึง 50% กระทบต่อรายได้ธุรกิจหายไปมากกว่า 50% โดยเฉพาะกลุ่มวางแผนเข้าพักจัดประชุม และจัดสัมมนา (MICE) ที่จะจองเข้ามาล่วงหน้าเป็นปีจะต้องหายไป ดังนั้น หากความชัดเจนในด้านการจัดตั้งรัฐบาล และการเดินหน้าทางเศรษฐกิจกลับคืนมาได้เร็วเท่าไหร่ย่อมทำให้ภาคธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้นตามไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น