นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกรอบการบวกขึ้นของ SET ยังค่อนข้างจำกัด และมีสิทธิที่จะแกว่งผันผวน และย้อนลงได้อีก เพราะตลอดทั้งสัปดาห์ ฝรั่งยังคง Underperform หุ้นบูลชิปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ รวมถึงยังไม่มีกรอบเวลาที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปให้เห็น อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์การเมืองที่เริ่มนิ่ง และผ่อนคลายมากขึ้น น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดในช่วงถัดไปได้ จึงยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อในช่วงลบต่อไป แนวรับ 1,400-1,398, 1,395-1,385 จุด แนวต้าน 1,405-1,410, 1,415 จุด
สอดคล้องกับฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คาด SET Index ในช่วงปลายสัปดาห์มีโอกาสแกว่งผันผวน หรือปรับถอยจากปัจจัยเสี่ยง 1) ความกังวล GDP สหรัฐฯ ที่อาจจะอ่อนแอลง ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ถอยลงแตะจุดต่ำสุดในรอบปี เป็นลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง 2) วิกฤตยูเครนที่ผ่อนคลายลงกดดันต่อราคาโภคภัณฑ์ และส่งผลกระทบต่อหุ้นพลังงาน และ 3) ภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ยังคงไหลออกต่อเนื่อง แม้ คสช.จะประกาศทีมที่ปรึกษาที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับ
เบื้องต้น ประเมินกรอบเคลื่อนไหว SET Index ที่ 1,370-1,420 จุด ซึ่งการปรับลงจะเป็นโอกาสซื้อ ทั้งนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในช่วง 2 เดือนข้างหน้า จากคาดการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป จะหนุนเม็ดเงินเข้าตลาดเกิดใหม่ ซึ่งบวกต่อหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่พื้นฐานดี ทำให้ภาพรวม 2 สัปดาห์จากนี้ จึงเป็นการทยอยลดการเก็งกำไรหุ้นปั่น และทยอยสะสมหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่มีพื้นฐานดี
คงคำแนะนำ เลือกเก็งกำไรรายตัว เน้นหุ้นพื้นฐานมากขึ้น เน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากกลุ่มรับเหมาฯ นิคมฯ การบริโภค เช่น เช่าซื้อ และค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเร่งด่วน ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นสัญญาณบวกในกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากการบริโภคเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีโอกาสปรับขึ้นตามกลุ่มบริโภคอื่น ขณะที่นักลงทุนใช้จังหวะถอยของตลาด ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่น่าสนใจ ได้แก่ SPALI SAT SVI CPF CFRESH TTA PTTGC PRANDA CENTEL MINT