“ซีดีไอพีฯ” จ่อเข้าตลาด mai ภายในปี 59 ผู้บริหารฯ เผยเตรียมระดมทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน แย้มรายได้ย้อนหลัง 5 ปี เติบโตแบบก้าวกระโดด
นายพิษณุ แดงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) หรือ CDIP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 59 และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3 ปีนี้
โดยเงินที่จะได้จากการระดมทุนนั้นบริษัทจะนำไปใช้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ฝึกอบรมพนักงาน และใช้รองรับการขยายธุรกิจซึ่งมีแนวโน้มเติบโตมากในช่วงต่อจากนี้ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับผลการดำเนินงานตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 53 มีรายได้ 50 ล้านบาท จนถึงปี 56 มีรายได้อยู่ที่ 134 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากการรุกตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนขยายธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศรองรับโอกาสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจท้องถิ่นในประเทศที่จะเข้าไปลงทุนหลายราย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดจะเป็นการร่วมทุน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จัดหาสินค้า ขณะที่พันธมิตรท้องถิ่นจะเป็นผู้จัดหาสถานที่ในการจำหน่าย
นายพิษณุ แดงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) หรือ CDIP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 59 และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3 ปีนี้
โดยเงินที่จะได้จากการระดมทุนนั้นบริษัทจะนำไปใช้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ฝึกอบรมพนักงาน และใช้รองรับการขยายธุรกิจซึ่งมีแนวโน้มเติบโตมากในช่วงต่อจากนี้ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับผลการดำเนินงานตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 53 มีรายได้ 50 ล้านบาท จนถึงปี 56 มีรายได้อยู่ที่ 134 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากการรุกตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนขยายธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศรองรับโอกาสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจท้องถิ่นในประเทศที่จะเข้าไปลงทุนหลายราย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดจะเป็นการร่วมทุน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จัดหาสินค้า ขณะที่พันธมิตรท้องถิ่นจะเป็นผู้จัดหาสถานที่ในการจำหน่าย