“วายแอลจี” คาดการณ์ความเคลื่อนไหวตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส แนวโน้มวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในจีน ส่งผลโดยตรงต่อราคาทองคำ เพราะจีนเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับ 1 ของโลก ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,300-1,303 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ อาจเกิดแรงขายออกมา สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,284 หรือ 1,277 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,277 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
การที่ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก แสดงทัศนะว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรองรับกรณีที่เฟดจะเริ่มปรับลดงบดุลที่มีมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐลง เพื่อยุติมาตรากรร QE ความเห็นดังกล่าวส่งผลทำให้ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำ และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ขณะที่สกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งเมื่อเทียบดอลลาร์
ทั้งนี้ ราคาทองคำยังได้แรงหนุนเพิ่มจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ท่ามกลางการเผชิญหน้ากันระหว่างรัสเซีย และชาติตะวันตกจากวิกฤตยูเครน ปัจจัยดังกล่าวยังคงหนุนแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลง หลังจากรัสเซียผนวกรวมภูมิภาคไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และกบฏแบ่งแยกดินแดนที่หนุนรัสเซียยึดครองพื้นที่หลายส่วนในภาคตะวันออกของยูเครนไว้ได้ โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า กองทัพประสบความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปจากแท่นปล่อยจรวดคาปุสตินยาร์ ใกล้ทะเลแคสเปียน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทิศทางเศรษฐกิจจีนเป็นปัจจัยลบกดดันราคาทองคำ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า ยอดขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง ทางวายแอลจี ประเมินว่า นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องระวังสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นประเทศผู้ซื้อทองคำอันดับ 1 ของโลก