ผู้บริหาร บล.เอเซีย พลัส ยอมรับกำไรสุทธิทั้งปี 2557 จะอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรราว 1.06 พันล้านบาท ระบุการเมืองใกล้ได้ข้อยุติ แต่เศรษฐกิจประเทศยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอีกระยะหนึ่ง สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 ที่อยู่ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท/วัน เป็นไปตามทิศทางของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ระบุไตรมาส 1/57 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือ IB กว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2/57 บริษัทจะได้รับผลดีจากธุรกิจ IB และวอลุ่มของตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30,000-40,000 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้เชื่อว่าใกล้จะจบแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะช่วยให้กำไรสุทธิทั้งปี 2557 เป็นไปตามเป้าหมายที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ลดลงกำไรสุทธิปี 2556 ที่ทำได้ราว 1,060 ล้านบาท
“ปีนี้เรายังมีธุรกิจด้าน IB ที่มีการเติบโตมากขึ้น และปริมาณการขายที่คงจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากการเมืองที่คาดว่าคงจะจบลงเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นปกติที่ตลาดหุ้นมักจะฟื้นตัวก่อนเศรษฐกิจเสมอ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจเองนั้น เราก็มองว่าคงจะยังไม่ฟื้นตัวคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 1,060 ล้านบาท แต่คงไม่สามารถมาเทียบกันได้เพราะปีก่อนมูลค่าซื้อขายของตลาดสูงกว่าปีนี้มาก” นายก้องเกียรติ กล่าว
CEO ASP ยืนยันว่า ปัจจุบันบริษัทมีดีลอยู่ในมือทั้งหมด 22 ดีล มีงาน IB เป็นงานที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุนปีนี้มูลค่าระดมทุนรวมไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท จากการออกหุ้นกู้ให้แก่บริษัทจดทะเบียนรวมประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ทั้งการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO 8 ดีล การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชน หรือ PO 2 ดีล, และงานที่ปรึกษาในการระดมทุนอีก 12 ดีล