วันที่ 14 พฤษภาคม 2557 หุ้นไทยปิดตลาดเช้าที่ 1,389.65 จุด เพิ่มขึ้น 14.51 จุด เปลี่ยนแปลง +1.06% มูลค่าการซื้อขาย 22,113.94 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,390.42 จุด และต่ำสุดที่ 1,380.74 จุด
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีช่วงเช้า สามารถรีบาวนด์ทางเทคนนิค หลังจากปรับตัวลดลงตลอด 5 วันทำการที่ผ่านมา จากความคาดหวังว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ผลประกอบการ บจ.ที่อ่อนแอ และเงินทุนต่างชาติที่ชะลอการเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ พร้อมคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นช่วงบ่าย กรอบการ rebound น่าจะเริ่มสั้นลง เนื่องจากผลประกอบการ บจ.ที่อ่อนแอ และเงินทุนต่างชาติที่ชะลอการเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงปัจจัยการเมืองระยะ 1-2 สัปดาห์ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจกดดันให้ตลาดแกว่งแรง จึงยังคงแนะนำใช้โอกาส rebound เป็นการปรับลดพอร์ตเก็งกำไรลง โดยหากดัชนีหลุด 1,380 ลงมา ก็มีแนวรับหลักๆ ที่น่าสนใจตรง 1,350-1,360
สอดคล้องกับ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด มองว่าเป็นการเกิดเทคนิเคิลรีบาวนด์ และ Sentiment จากตลาดต่างประเทศก็ดีด้วย เพราะเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียจะอยู่ในแดนบวกกันถ้วนหน้า
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวช่วงบ่ายว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวตามข่าวที่เกิด โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองในประเทศต่อไป ทั้งผลการหารือระหว่างรัฐบาลกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ และยังต้องรอดูผลการขอหมายจับแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. อีกด้วย ด้านความคืบหน้าการประชุมนอกรอบวุฒิสภา ยังไร้ข้อสรุป โดยต้องจัดตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ประสานองค์กรอื่นพร้อมสืบค้นข้อมูล และประชาสัมพันธ์ ท่ามกลางการเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ที่คัดค้านนายกฯ มาตรา 7 และการเรียกร้องการหานายกฯ โดยเร่งด่วนของคู่ขัดแย้งอย่างกลุ่ม กปปส. ขณะที่วันนี้ กกต.เตรียมเข้าหารือร่วมกับรัฐบาลประเด็นการดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มได้ข้อยุติง่ายดายนัก รวมถึงการรอฟังผลคำขอหมายจับแกนนำ กปปส.รวม 43 คน ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด แนวต้าน 1,385-1,390 จุด
