xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” ยอมรับจีดีพีหลุด 3% จี้เบิกจ่ายภาครัฐ 2.5 ล้านล้าน-งบลงทุน รสก. ช่วยพยุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คลัง” รับจีดีพีปีนี้ต่ำกว่า 3% รัฐบาลรักษาการไร้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังเบิกจ่ายภาครัฐ 2.525 ล้านล้านบาท และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจอีก 4 แสนล้านเป็นตัวกระตุ้น ด้านปลัดคลังสั่งการ บสย.เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอี หวั่นได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก พร้อมศึกษาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว เสนอรัฐบาลชุดใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีปัจจัยลบต่างๆ ส่งผลกระทบมากซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของไทยในปี 2557 ขยายตัวต่ำกว่า 3.0% อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงที่มีรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจเต็มในการบริหารงานของประเทศจึงไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการคลังต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวตามที่ต้องการได้

“ต้องยอมรับว่าจีดีพีในปีนี้ขยายตัวต่ำกว่า 3% แน่นอน เนื่องจากรัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำอะไรได้มาก เครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทุกเรื่องต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง การใช้นโยบายต่างๆ จึงไม่มีความคล่องตัว ต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาจึงจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพ” นายเอกนิติกล่าว

นายเอกนิติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทางภาครัฐสามารถทำได้เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวคือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ โดยงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2557 มีวงเงินอยู่ 2.525 ล้านล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจวงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ตุลาคม 56-มีนาคม 57) ที่ผ่านมา สามารถเบิกจ่ายได้แล้วกว่า 50% หากสามารถทำได้ตามเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 90% ก็จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้เลวร้ายมากเกินไป

นอกจากนี้ สิ่งที่กระทรวงการคลังเป็นห่วงมากที่สุดคือ กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีสายป่านน้อยกว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ได้ โดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้บรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และเพิ่มบทบาทการทำงานให้มากขึ้นในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยสินเชื่อ โดยให้ไปศึกษาแนวทางการช่วยเหลือ และนำเสนอแผนให้กับกระทรวงการคลังโดยเร็ว

“สิ่งที่ สศค.ทำอยู่ในขณะนี้คือ ศึกษาแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในระยะกลาง และระยะยาว โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สามารถพัฒนาสู้กับคู่แข่งในภูมิภาค และในโลกให้ได้ อีกทั้งยังพยายามหาแนวทางเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในมิติต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่แล้วก็พร้อมที่จะเสนอเป็นแพกเกจเพื่อดำเนินการได้ทันที” นายเอกนิติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น