หุ้นปิดส่งท้ายสัปดาห์ร่วง 14.51 จุด โดยมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปกระจายในทุกกลุ่ม คาดนักลงทุนลดความเสี่ยงไม่ต้องการถือหุ้นข้ามสัปดาห์ โบรกฯ เป็นผลจาก Fund Flow ที่เริ่มหยุดนิ่ง หลังจากที่ไหลเข้ามาอย่างหนาแน่นเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสารได้ปรับตัวลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจาก Flow เริ่มหยุดซื้อ และมีแรง take profit เพราะมองว่าตลาดได้ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก จนเทรดด้วยค่า P/E สูงถึง 15 เท่า ขณะที่ตลาดฯ ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่ม
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 เม.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,408.16 จุด ลดลง 14.51 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.02% มูลค่าการซื้อขาย 35,038.79 ล้านบาท โดยมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปกระจายในทุกกลุ่ม คาดนักลงทุนลดความเสี่ยงไม่ต้องการถือหุ้นข้ามสัปดาห์
โดยสัดส่วนแยกตามประเภทนักลงทุนในวันนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติซื้อแค่ 892.45 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 238.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 7.55 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 645.91 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง มองว่าเป็นผลจาก Fund Flow ที่เริ่มหยุดนิ่งหลังจากที่ไหลเข้ามาอย่างหนาแน่นเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสารได้ปรับตัวลง ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนลบหลังจาก Flow เริ่มหยุดซื้อ
สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศในวันนี้ ก็มีเรื่องของรัสเซียที่ทาง S&P ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ BBB- แม้ว่าตลาดฯ จะรับรู้บ้างแล้ว แต่ผลกระทบก็ยังมีอยู่ เพราะ S&P เป็นรายแรกที่ลดอันดับความน่าเชื่อถือลง ส่งผลให้ตลาดในยุโรปปรับตัวลงในช่วงบ่ายนี้ ส่วนไทยเองก็มีเรื่องที่มูดี้ส์ฯ ได้ระบุว่า หากการเมืองไทยยังยืดเยื้อไปถึงครึ่งปีหลัง (H2/57) ก็จะทำให้ไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกลดเครดิต ซึ่งตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดแรงขายในตลาดบ้านเราด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันสัปดาห์หน้า นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ หาก Flow ยังอยู่ในลักษณะของการชะลอการลงทุนไปก่อน และตลาดฯ คงจะเริ่มหันไปมองหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น รวมถึงคงจะมีการ Focus ไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งจะทยอยประกาศกันออกมา
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงเกือบ 15 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ และตลาดในยุโรปที่อยู่ในแดนลบด้วย
ทั้งนี้ มองว่าเป็น take profit หลังจากที่ตลาดฯ ได้ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก จนเทรดด้วยค่า P/E สูงถึง 15 เท่า ขณะที่ตลาดฯ ก็ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยปัจจัยจากนอกประเทศตอนนี้รอดูสถานการณ์ในยูเครน ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศในช่วง 2 สัปดาห์นี้คงจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด แนวต้าน 1,420 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TRUE ปิดที่ 6.60 บาท ลดลง -0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,727.11 ล้านบาท
2.ICHI ปิดที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,636.92 ล้านบาท
3.BBL ปิดที่ 187.50 บาท ลดลง -1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,543.80 ล้านบาท
4.JAS ปิดที่ 8.30 บาท ลดลง -0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,152.26 ล้านบาท
5.KBANK ปิดที่ 186.50 บาท ลดลง -5.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,100.39 ล้านบาท