ซีอีโอ “เอเซีย พลัส” เผยเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ชี้ยังคงเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงินที่ไหลออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ จึงทำให้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ขณะที่ผลประกอบการ บจ. ที่ทยอยประกาศออกมาดี เป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ใช่สภาวะในปัจจุบัน ขณะที่ “บล.กสิกรฯ” ประเมินดัชนีหากยังแกว่งเหนือระดับ 1,420 จุด จะรักษาโมเมนตัมการเก็งกำไรเอาไว้ได้
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ปัจจุบันต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาซื้อหุ้นไทยแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากช่วงก่อนหน้านี้ที่มีแรงขายออกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีขณะนี้เริ่มมีแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ จึงทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
การปรับขึ้นของตลาดฯ ในรอบนี้เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศลดความร้อนแรงลง นอกจากนี้ นักลงทุนในประเทศยังเห็นว่าหุ้นไทยบางตัวมีราคาถูกแล้ว โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินต่างชาติที่กลับเข้ามาแล้ว 2 หมื่นล้านบาทนั้นยังคงเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงินที่ไหลออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ จึงทำให้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ รวมทั้งแม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ทยอยประกาศออกมาอาจจะดี แต่ก็เป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ใช่สภาวะในปัจจุบัน
ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) คาดดัชนีภาคบ่าย (24 เม.ย.) จะแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,430 จุด โดยให้ระมัดระวังแรงขายหุ้นใหญ่ หลังกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ถูกขายทำกำไรออกมาในช่วงเช้า
กลยุทธ์การลงทุนให้ระมัดระวังความผันผวนเน้นเก็งกำไรหุ้น Laggard หากตลาดยืนเหนือ1,420 จุด จะยังคงรักษาโมเมนตัมการเก็งกำไรได้ แต่หากแกว่งหลุด 1,410 จุด จะเพิ่มความเสี่ยงในการปรับตัวลงเร็ว