น.ส.อรลักษณ์ วงศ์มาศา นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ คาดแนวโน้มราคาทองคำล่วงหน้า ว่า ราคาทองคำโลกระยะสั้นแกว่งตัวลงมาที่ 1,285 ก่อนที่จะดีดฟื้นขึ้นแล้วแกว่งออกข้างบริเวณ 1,300 ทิศทางระยะสั้นคาดว่าจะแกว่งตัวออกข้างถึงชะลอลง ประเมินว่ามีโอกาสหลุดต่ำกว่า 1,300 และอาจชะลอลงต่อเนื่องไปแนวรับ 1,280/1,260
ขณะที่แนวโน้มราคาทองฟิวเจอร์ ประเมินว่าจะชะลอลงมาที่แนวรับ ในขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้เริ่มกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวดีกว่าราคาทองคำโลก
ราคาทองคำเช้านี้ คำนวณโดยใช้ราคา Spot Gold ที่ 1,302 และค่าเงินบาท/สหรัฐที่ 32.285 จะได้ราคาทองคำที่ 19,980บาท
พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุน เปิด Short ในช่วงทดสอบแนวต้าน 20,000/20,150 โดยหากผิดคาดดีดฟื้นขึ้นเหนือ 20,200 อาจพิจารณาปิดสถานะไปก่อน
โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ประกอบด้วย ภาวะตลาดทองคำโลก ตลาดทองคำ Spot ปรับขึ้นได้แบบจำกัดที่แนวต้าน 1,331 ก่อนที่จะแกว่งลงแรงมาที่ 1,285 แล้วค่อยดีดฟื้นขึ้นมาที่ 1,302 หลังจากยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และถ้อยแถลงของประธานกลางยุโรปที่ว่าค่าเงินยุโรปที่แข็งค่าขึ้นอาจส่งผลให้ต้องมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ ออกรายงานเปิดเผยคาดการณ์ราคาทองคำ Spot Gold ว่าจะปรับลงไปที่ 1,050 เหรียญสหรัฐ/ทรอย์ออนซ์ภายในสินปีนี้ ล้วนเป็นปัจจจัยกดดันให้ราคาทองแกว่งตัวลง อย่างไรก็ตาม World Gold Council เปิดเผยคาดการณ์ Demand ทองคำของประเทศจีนในปี 2557 ว่าจะโต 19% y-y เพิ่มขึ้นสู่ 1,350 ตัน จากปัจจุบันที่ 1,132 ตัน สะท้อนถึงความต้องการทองคำของจีน (ประเทศที่มี Demand ทองคำสูงที่สุดในโลก) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางค่าเงินดอลลาร์เช้านี้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันราคาทองคำในรูปดอลลาร์ ทำให้ทิศทางทองคำในรูปดอลลาร์เริ่มกลับมาชะลอลง โดยมีปัจจัยระยะสั้นที่ต้องติดตาม คือ GDP ไตรมาส 1/2014 ของจีน โดยโพลรอยเตอร์คาดว่าจะโต 7.3% y-y เทียบกับ 4Q13 ที่โต 7.7% y-y และความตึงเครียดทางการเมืองในยูเครน
รวมถึงค่าเงินบาทเช้าวันนี้อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวดีกว่าราคาทองคำโลก โดยเรายังคงประเมินว่า ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง และส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศให้ปรับตัวดีกว่าราคาทองคำโลก