“ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น” ยื่นคำขอตั้ง REIT มูลค่า 4.7 พันล้านบาท เตรียมลุย 3 โครงการยักษ์ โดยให้กลุ่มกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย คาดเสนอขายให้นักลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนเตรียมการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยพิจารณาทรัพย์สินที่จะลงทุนครั้งแรกดังนี้ 1.โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 2 2.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.18) และ 3.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23) เบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านบาท โดยทรัพย์สินที่จะพิจารณาขายเข้า REIT ทั้ง 3 โครงการมีพื้นที่เช่ารวมประมาณ 167,000 ตารางเมตร
โดยให้บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นทรัสตีให้แก่กองทรัสต์ ทั้งนี้ หลังจากที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินข้างต้นแล้ว บริษัทฯ จะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ (Property Manager) และจะให้บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นมาใหม่ (ถือหุ้นโดย WHA 99.99%) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager)
นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางเลือกในการลงทุนรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้แทนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น 1) การอนุญาตให้ REIT สามารถก่อภาระผูกพันในรูปแบบของการกู้ยืมเพื่อมาซื้อทรัพย์สินได้มากขึ้น โดยสามารถก่อหนี้ได้ถึง 35% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมซึ่งจะช่วยลดภาระการระดมทุน และเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน และ 2) การปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ในการจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องเป็นการจัดสรรแบบ Small-lot First เหมือนเกณฑ์ที่บังคับใช้ในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิมอันจะช่วยขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ นายภานพ เห็นว่า ในภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน REIT เป็นช่องทางในการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และผลตอบแทนดังกล่าวอาจจะสามารถชนะอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาว (Inflation Hedged) ดังนั้น การลงทุนใน REIT จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (Long-term Investors)
คาดว่ากอง REIT ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์ให้แก่นักลงทุนได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 โดยธนาคารมีความมั่นใจว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีรูปแบบการลงทุนที่มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาของบริษัทฯ จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงภายใต้การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนเตรียมการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยพิจารณาทรัพย์สินที่จะลงทุนครั้งแรกดังนี้ 1.โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 2 2.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.18) และ 3.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23) เบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านบาท โดยทรัพย์สินที่จะพิจารณาขายเข้า REIT ทั้ง 3 โครงการมีพื้นที่เช่ารวมประมาณ 167,000 ตารางเมตร
โดยให้บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นทรัสตีให้แก่กองทรัสต์ ทั้งนี้ หลังจากที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินข้างต้นแล้ว บริษัทฯ จะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ (Property Manager) และจะให้บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นมาใหม่ (ถือหุ้นโดย WHA 99.99%) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager)
นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางเลือกในการลงทุนรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้แทนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น 1) การอนุญาตให้ REIT สามารถก่อภาระผูกพันในรูปแบบของการกู้ยืมเพื่อมาซื้อทรัพย์สินได้มากขึ้น โดยสามารถก่อหนี้ได้ถึง 35% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมซึ่งจะช่วยลดภาระการระดมทุน และเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน และ 2) การปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ในการจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องเป็นการจัดสรรแบบ Small-lot First เหมือนเกณฑ์ที่บังคับใช้ในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิมอันจะช่วยขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ นายภานพ เห็นว่า ในภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน REIT เป็นช่องทางในการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และผลตอบแทนดังกล่าวอาจจะสามารถชนะอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาว (Inflation Hedged) ดังนั้น การลงทุนใน REIT จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (Long-term Investors)
คาดว่ากอง REIT ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์ให้แก่นักลงทุนได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 โดยธนาคารมีความมั่นใจว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีรูปแบบการลงทุนที่มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาของบริษัทฯ จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงภายใต้การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว