หุ้นไทยปิดตลาดวันที่ 24 มี.ค. ไปที่ 1,349.90 จุด ลดลง 10.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 27,747.37 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง -0.78%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป ระบุวันนี้ตลาดหุ้นไทยกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยการเมืองมากขึ้น หลังศาล รธน.วินิจฉัยให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ทั้งนี้ ต้องลุ้นผลการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ว่าจะลงสมัครรับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้หรือไม่ หากยังยืนยันไม่ลงรับสมัคร ภาพการเมืองก็จะกลับไปเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามท่าทีของฝั่งรัฐบาล และผู้สนับสนุนอย่าง นปช. ว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจุดถอยไว้ที่ 1,340 จุด หากปรับหลุดจุดดังกล่าว มีโอกาสปรับตัวลงไปที่ 1,300 จุดต่อไป กลยุทธ์ลงทุนอาจต้องหันมาเก็งกำไรในหุ้นที่จะจ่ายปันผลในช่วงเดือนหน้า เพื่อป้องกันความผันผวนจากปัจจัยการเมืองที่อาจรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ ผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองทำให้คาดว่าปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยจะโตได้ไม่ถึง 3% ตามที่หลายหน่วยงานประเมินไว้ จากปกติที่ควรจะมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ 4-5% ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าลดหมดทุกตัว
ด้านฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.) ดัชนีค่อนข้างทรงตัวต่อเนื่องจากวันก่อน เนื่องจากการเมืองในประเทศไทยยังอยู่ในภาวะอึมครึม พร้อมประเมินกรอบการแกว่งตัวของหุ้นไว้ที่แนวรับระดับ 1,348-1,343 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,365-1,370 จุด โดยประเมินว่ าหุ้นที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผล เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนสถาบันจะเข้าซื้อเพื่อปิดบัญชีสิ้นงวด (วินโดว์ เดรสซิ่ง) คือ โรงพยาบาล จะยังประคองตัวอยู่ได้
สำหรับ 5 อันดับหลักทรพัย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,740,744 ล้านบาท ปิดที่ 7.85 บาท ลดลง -0.55 บาท เปลี่ยนแปลง -6.55%
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,695,206 ล้านบาท ปิดที่ 226.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,418,276 ล้านบาท ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง -0.58%
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,255,848 ล้านบาท ปิดที่ 22.70 บาท ลดลง 0.20 บาท เปลี่ยนแปลง -0.87%
CPF มูลค่าการซื้อขาย 962,195 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท ลดลง 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง -3.48%
