xs
xsm
sm
md
lg

คอลลิเออร์สฯ มั่นใจอสังหาฯ เริ่มฟื้น เพิ่มเป้าขายโครงการทั้งปีแตะ 5 พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทรมั่น ลัญฉน์ดี
“คอลลิเออร์สฯ” มองสัญญาณภาคอสังหาฯ เริ่มกระเตื้อง หลังมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน และเป็นพันธมิตรกับอสังหาฯ ไทย เพิ่มเป้าขายโครงการอสังหาฯ จาก 4,000 ล้านบาท ขยับเป็น 5,000 ล้านบาท ชี้พอใจกับการซื้อขายในกรุงเทพฯ พัทยา และหัวหิน จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่

นายไทรมั่น ลัญฉน์ดี ประธานกรรมการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ว่า ยังพอไปได้ ซึ่งการซื้อขายต้นปีสำหรับต่างประเทศปกติไม่เยอะอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของคอลลิเออร์สฯ แล้ว ในด้านของการขายโครงการ (โปรเจกต์เซลส์) จากสภาพตลาดที่เป็นอยู่ และบรรยากาศในตอนนี้ก็ทำให้ตัวเลขการขายลดลงประมาณ 10-15% ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับเป้าที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ได้เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตลาดอสังหาฯ และการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีทั้งจากประเทศจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น

ดังนั้น ทางคอลลิเออร์สฯ จึงได้ปรับเพิ่มเป้าการขายโครงการจาก 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ยอดขายโครงการอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท

“จากฐานลูกค้าของเราที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ ที่พัทยา และหัวหิน พบว่า ยังเป็นไปตามปกติ ยังขายได้ ถามว่า เราพอใจกับยอดขายหรือไม่ ต้องตอบว่า ในบรรยากาศแบบนี้ เราก็พอใจแล้ว” นายไทรมั่นกล่าว

ในส่วนของการขยายฐานลูกค้านั้น ปัจจุบันเรายังพิจารณา และเพิ่มพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ที่มีอยู่ประมาณ 14-15 โครงการ เช่น บริหารการขายโครงการให้แก่บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ให้ดูแล 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ของบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI แยกเป็นที่หัวหิน 2 โครงการ และที่ จ.เชียงใหม่ 1 โครงการ ส่วนที่เหลือประมาณ 4-5 โครงการ จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ รายย่อย

ปัจจุบันโครงการของธุรกิจของคอลลิเออร์สฯ จะแยกเป็น 30% เป็นส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย 20% เป็นด้านที่ปรึกษาและประเมินราคา 20-30% เป็นการบริหารอาคาร และ 25% เป็นส่วนของตลาดคอมเมอร์เชียล ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ทั้งในพม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งมีนักลงทุนเข้าให้ความสนใจติดต่อกับบริษัทในการเข้ามาลงทุน แต่ยังเติบโตไม่มาก เนื่องจากประเทศเหล่านี้ยังต้องมีการพัฒนาอีกเยอะ รวมถึงการแก้ไขกฎเกณฑ์บางอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น