กสิกรฯ เล็งปรับเป้าดำเนินธุรกิจหลังเศรษฐกิจยังไม่เห็นแววฟื้น หันเน้นดูแลคุณภาพหนี้มากกว่า เผยผลกระทบจำนำข้าวธุรกิจเกี่ยวโยงโดนหางเลขหนัก แบงก์ยืดเวลา พักชำระหนี้ ส่วนกลุ่มค้าปลีกมีแววกระเตื้อง กำลังซื้อเริ่มกลับแต่ยังไม่มากหลังลดพื้นที่ชุมนุม
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางส่วนกลางจะเป็นหารือ และดูในรายละเอียดของแต่ละส่วนต่อไป ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
สำหรับสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ก็ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคารไม่ได้กังวลว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9-11% หรือไม่ แต่จะเน้นดูแลในเรื่องของคุณภาพหนี้มากกว่า โดยปัจจุบันสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 2.85% และมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นจากฐานการปล่อยสินเชื่อที่หดตัวลง
ส่วนผลกระทบจากปัญหาการเมืองนั้น ก็ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการใน 2 กลุ่ม ก็คือ กลุ่มผู้ประกอบที่เกี่ยวเนื่องกับชาวนา ซึ่งมีปัญหาขาดสภาพคล่องเป็นลูกโซ่จากชาวนาที่ไม่ได้รับค่าจำนำข้าวทำให้ไม่เงินชำระค้าสินค้าได้ตามกำหนด ในกลุ่มนี้ธนาคารได้ผ่อนผันให้งดชำระดอกเบี้ยออกไประยะหนึ่ง ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบไม่มากนัก และก็จะเห็นกำลังซื้อกลับมาบ้างแต่ยังไม่มาก ภายหลังจากลดพื้นที่ชุมนุม
“ภายหลังลดพื้นที่การชุมนุมลงบางส่วน หรือจะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ก็ส่งผลดีต่อด้านการท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ในระดับหนึ่ง ดังจะเห็นจากกำลังซื้อเริ่มกลับเข้ามาบ้างแต่ก็เล็กน้อย อย่างเมื่อก่อนกำลังซื้อ 100% ลดลงไปเหลือ 30% แต่ตอนนี้มาที่ 50%ได้ ก็ยังคงต้องรอดูต่อไป”
ติวเข้มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความแข็งแกร่งพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว จึงได้ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมไทย(TASME) จัดโครงการ SME Webinar ซึ่งเป็นโครงการสัมมนาออนไลน์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจยุคใหม่ สำหรับเอสเอ็มอีหรือผู้สนใจผ่านเว็บไซต์ www.kasikornbank.com/smewebinar โดยเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 19 มีนาคมนี้
