“ยุ่ง สรพจน์” ฟุ้งการเมืองไม่กระทบธุรกิจ เผย 2 เดือนแรกของปีบริษัทฟันยอดขายไปแล้ว 70% เหตุจากการเปลี่ยนรูปแบบการเช่าระยะยาว เป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์ คาดจะรับรู้รายได้ทั้งหมดของโครงการมหานคร และมหาสมุทรได้ในปี 2558 อีกทั้งเตรียมนำโครงการเดอะ คิวบ์ รอจ่อเข้า REIT หลังโครงการเสร็จสมบูรณ์
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ เดเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PACE กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายอาคารอเนกประสงค์ในโครงการมหานครปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด โดยในช่วงช่วง 2 เดือนแรกของปีมียอดจองคอนโดมิเนียม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส เข้ามาแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้เปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครองโครงการมหานคร จากรูปแบบการเช่าระยะยาว หรือ Lease hold มาเป็นการให้ผู้ซื้อถือครองกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์ หรือ Free hold ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์นั้น บริษัทฯ ได้อนุมัติการใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดินประมาณ 1,500 ล้านบาท ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท จากเดิม 19,000 ล้านบาท เป็น 21,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มราคาเฉลี่ยขึ้นอีก 15-20% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% มาที่ระดับ 36-37%
“ในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้จากโครงการมหานครเพิ่มเข้ามาประมาณ 3,000 ล้านบาท และโครงการมหาสมุทรอีก 3,000 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆ อีกรวมเป็น 11,700 ล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้เต็มจำนวนในปี 58-59 ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้เติบโตก้าวกระโดดในช่วงหลังจากนี้ และบริษัทฯ จะพลิกเป็นมีกำไรในปี 58 โดยบริษัทฯ ยังคงมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% เมื่อเริ่มมีกำไร”
อย่างไรก็ดี ในส่วนพื้นที่โครงการ เดอะ คิวบ์ ไลฟ์สไตล์ รีเทล เซ็นเตอร์ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ในโครงการมหานคร ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะเปิดให้บริการเฟสแรกในต้นเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี และจะเปิดครบทั้งโครงการได้ในปลายปี ขณะที่โครงการมหาสมุทร หัวหิน มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท ที่เป็นโครงการวิลลาตากอากาศ จะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่รายได้บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะเติบโตอีกประมาณ 200 ล้านบาท จากปีที่แล้วซึ่งมีรายได้ 345 ล้านบาท หลังจากมีการโอนห้องชุดในโครงการศาลาแดง เรสซิเดนเซส และโครงการไฟคัส เลน สุขุมวิท 44 โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน หรือ Backlog อยู่ที่ประมาณ 5,700 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำโครงการมหานคร คิวบ์ ขายเป็นสินทรัพย์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ในช่วงปลายปีนี้ จากเดิมที่มีแผนจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวในไตรมาส 2 แต่อยู่ในระหว่างการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ (ก.ล.ต.) เพื่อกำหนดความชัดเจนด้านภาษี และรอความพร้อมเมื่อโครงการเสร็จเรียบร้อยก่อน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในการนำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียน และลงทุนโครงการมหาสมุทร และโครงการหลังสวน (ชื่อโครงการชั่วคราว) บริเวณที่ดินใกล้สวนลุมพินี โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ในปีนี้ มูลค่าโครงการประมาณ 6,000 ล้านบาท
