xs
xsm
sm
md
lg

“AH” คาดรายได้และกำไรปีนี้ลดลง เพราะอุตฯ ยานยนต์หด จ่อเซ็นงานโปรคาดเสร็จทันปลายปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทคหรือ AH
“บมจ.อาปิโก ไฮเทค” คาดรายได้ และกำไรปีนี้จะลดลง จากรายได้ปีก่อนที่ได้ 1.6 หมื่นล้านบาท สาเหตุจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่หดตัว เผยจะรักษากำไรสุทธิปีนี้ให้ใกล้เคียงปีที่แล้วที่ 3.6 หมื่นล้านบาท และตั้งงบลงทุนปรับปรุงเครื่องจักร 5-6 ร้อยล้านบาท ส่วนงานร่วมทุนกับพันธมิตรโปรตุเกส คืบหน้าแล้ว 90% คาดเสร็จปลายปีนี้ แย้มมองหาพันธมิตรกลุ่ม AEC เพิ่ม

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค หรือ AH กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการการรายได้ และกำไรในปีนี้จะลดลง 5-10% จากปีก่อนที่ทำได้ 16,900 ล้านบาท เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในภาวะหดตัว โดยแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้คาดว่าจะลดลงประมาณ 10% จากปีก่อนที่ผลิตได้ 2,450,000 คัน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะรักษากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงที่ 634 ล้านบาท ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร และลดต้นทุนในส่วนของการผลิตที่เป็นแรงงานคนลงเพื่อให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.7% และการรักษากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำลงตามรายได้ที่คาดว่าจะลดลงในปีนี้

“อย่างไรก็ดี ในส่วนของการวางแผนปรับปรุงเครื่องจักรนั้นในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500-600 ล้านบาท โดยจะปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ และครบกำหนดการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตให้ดีขึ้น ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งถือเป้นส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัทมีรายได้ และกำไรมากขึ้น โดยงบลงทุนที่บริษัทฯ ได้ตั้งเอาไว้นั้นเป็นงบลงทุนประจำปีที่ในปีนี้บริษัทฯ วางไว้ตั้งแต่แรก”

ขณะที่แผนการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศโปรตุเกสในการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน Auto Parts มูลค่าโครงการร่วมทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท มีความคืบหน้าไปมากกว่า 90% แล้ว โดยจะทำการการเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้ และเริ่มสร้างโรงงานได้ทันที และคาดว่าโรงงานจะสามารถสร้างเสร็จพร้อมที่จะเริ่มเดินสายพานการผลิตชิ้นส่วนได้ภายในปีนี้ ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งการร่วมมือที่สำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ หลังจากที่ปีก่อนได้มีการร่วมทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น ในการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องได้ใน 1-2 เดือนนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนในการมองหาพันธมิตรเพื่อขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดยานยนต์ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีกำลังซื้ออยู่มากโดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น