ตามคาด กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 ลดดอกเบี้ย 0.25% ไปที่ระดับ 2.00% เนื่องจากมองว่า เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานแม้จะปรับขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มแรงสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเอื้อให้ภาวะการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ประชุมฯ มีมติ 4 ต่อ 3 ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงไปที่ระดับ 2.00% เนื่อจาก กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้ม ในระยะต่อไป เพื่อกําหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสําคัญ ดังนี้
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อนตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศหลัก เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้การลงทุนเริ่มมีสัญญาณชะลอลง ด้านเศรษฐกิจเอเชียโดยรวมได้รับ แรงสนับสนุนจากการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลัก ขณะที่อุปสงค์ในประเทศของเศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มชะลอตามการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐ
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 และเดือนมกราคม 2557 ชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศ ที่หดตัว โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ขณะที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองมากขึ้น ในระยะต่อไป ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นอุปสรรคต่อ การฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มค่อยๆ ปรับดีขึ้นตามการฟื้นของเศรษฐกิจประเทศหลัก จึงน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในปีนี้
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าที่ประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.25% เหลือที่ระดับ 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
ทั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่า นโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ เพื่อเพิ่มแรงสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเอื้อให้ภาวะการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ในช่วงที่เศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาฟื้นตัว เพราะขณะนี้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย มีมากขึ้นจากสถานการณ์การเมืองที่มีความยืดเยื้อ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานแม้จะปรับขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอีก 3 เสียง ที่เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนั้น มองว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำแล้ว และอุปสรรคในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่ได้มาจากปัจจัยทางการเงิน จึงควรรอเวลาที่เหมาะสม
