หุ้นเช้าร่วงหนักกว่า 10 จุด กังวล ศก. จีน-ญี่ปุ่นอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ ศก. ฝั่งสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้น และปัญหายูเครนไม่จบ นักลงทุนเทขายกลุ่มแบงก์ เลี่ยงผลกระทบ กนง. อาจปรับลด ดบ.นโยบาย ขณะที่ปัจจัยการเมืองเริ่มเข้ามากดดันอีกครั้ง โบรกฯ ชี้ตัวแปรสำคัญของปัจจัยการเมืองอยู่ที่การเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง นปช. และ กปปส. หลังทราบคำตัดสินขององค์กรอิสระ ซึ่งอาจเป็นจุดเสี่ยงให้ปัจจัยการเมืองกลับมากดดันตลาดได้อีกครั้ง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มี.ค.) ดัชนีภาคเช้าเปิดในแดนบวกก่อนปรับลงในแดนลบ ทิศทางเดียวกับตลาดในภูมิภาค โดยเมื่อเวลา 11.02 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,344.59 จุด ลดลง 10.49 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.77% มูลค่าการซื้อขาย 9,296.53 ล้านบาท นักลงทุนกังวลตัวเลขเศรษฐกิจจีน และญี่ปุ่นออกมาอ่อนแอกว่าคาดไว้
นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกดประเทศ นักลงทุนกังวลตัวเลขส่งออกจีนเดือน ก.พ.ที่ออกมาต่ำกว่าคาดไว้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่น ก็มีความอ่อนแอ และยังมีความกังวลต่อแรงขายของ Trigger Fund ที่จะทยอยครบกำหนดต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. จนถึงสิ้นเดือนราว 4-5 พันล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศจะเริ่มมีน้ำหนักตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ได้แก่ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อ พ.ร.บ.เงินกู้ ในวันที่ 12 มี.ค. และนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ต้องชี้แจ้งข้อกล่าวหากรณีจำนำข้าวต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 14 มี.ค. แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะขอเลื่อนไปอีก 15 วัน
สำหรับตัวแปรสำคัญของปัจจัยการเมือง อยู่ที่การเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง นปช. และ กปปส. หลังทราบคำตัดสินขององค์กรอิสระ ซึ่งอาจเป็นจุดเสี่ยงให้ปัจจัยการเมืองกลับมากดดันตลาดได้อีกครั้ง
ด้านนายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นภาคเช้าปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค ที่กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และปัญหายูเครน กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับปัญหาการเมืองในประเทศก็ยังคงอยู่ซึ่งก็ต้องรอความชัดเจน ทำให้วันนี้แทบไม่มีปัจจัยหนุนตลาด และปริมาณการซื้อขายเบาบาง
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.38 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,341.31 จุด ลดลง 13.77 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.02% มูลค่าการซื้อขาย 12,791.98 ล้านบาท โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า มีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมา คาดว่าหลีกเลี่ยงผลกระทบที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และตลาดต่างประเทศก็ไม่ดี
ล่าสุด ดัชนีปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,341.55 จุด ลดลง 13.53 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.00% มูลค่าการซื้อขาย 16,337.94 ล้านบาท