xs
xsm
sm
md
lg

“EFORL” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.5-2 พันล้านบ. เตรียมรุกตลาด AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม หรือ EFORL
“EFORL” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.5-2 พันลบ. หวังมาร์เกตแชร์ไม่ต่ำกว่า 5% จากมูลค่ารวม 4 หมื่นลบ. เผยการเมืองไม่กระทบ เตรียมขยายตลาดเข้าไปลงทุนในประเทศกลุ่ม AEC

นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม หรือ EFORL กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายปีนี้ที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยจะเน้นกลยุทธ์จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความทันสมัย พร้อมทั้งเจาะกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนถึงสถานประกอบการด้านสุขภาพ อีกทั้งเตรียมที่จะขยายตลาดด้วยการเข้าไปลงทุนในประเทศกลุ่ม AEC ในปี 2558 โดยจะเริ่มที่ประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังขยายตัว และเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ

“ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ มาจากธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์ 60% และธุรกิจโฆษณา 40% แต่ในปีนี้คาดว่ารายได้จากธุรกิจเครื่องมือแพทย์จะขยับเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 70% ซึ่งอุตสาหกรรมด้านสุขภาพในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 400,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ 10% หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อยกว่า 5% ของธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตขึ้นถึง 1 เท่าตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นเป็น 15-20% จากเดิมอยู่ที่ 5% จากการขยายธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จากปริมาณงานของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบน้อยมากจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งจะกระทบเพียงงบของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ส่วนงบอื่นๆ ของทางภาครัฐ และเอกชนยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

“ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายเครื่องมือแพทย์เข้ามาแล้วกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีจำนวนไม่มาก เพราะบริษัทเพิ่งได้อนุมัติหนังสืออนุญาตในการประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในขณะที่ปัญหาผลกระทบทางการเมืองจะส่งผลในระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลเป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็นที่โรงพยาบาลจะต้องมี และเป็นงบประมาณตามปีปฏิทินโดยปกติ ส่วนงบประมาณของโรงพยาบาลเอกชน และสถานบริการสุขภาพยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
กำลังโหลดความคิดเห็น