“หม่อมอุ๋ย” แนะทางออกประเทศไทย นายกฯ ควรลาออกแล้วค่อยมาปฏิรูปเศรษฐกิจ เปิดโมเดลนายกฯ คนใหม่ ไม่ใช่แค่กำหนดนโยบาย ต้องมีการติดตามประเมินการดำเนินงานด้วย ที่สำคัญรัฐบาลไม่ควรมาจากนักธุรกิจ เพราะสร้างปัญหาให้เกิดการเข้ามาหาผลประโยชน์ สร้างความเหลื่อมล้ำให้แก่ประเทศ “ทีดีอาร์ไอ” หนุนต้องสกัดนักธุรกิจการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์ โดยเฉพาะนโยบายประชานิยม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานเสวนาวิชาการเรื่อง “ปฏิรูปเศรษฐกิจ กู้ไทยพ้นวิกฤต” เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 โดยระบุว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยให้พ้นวิกฤตินั้น รัฐบาลต้องไม่เข้าไปขัดขวางการดำเนินการของภาคเอกชน โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ควรเปลี่ยนบทบาทเน้นให้นักลงทุนจากไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ควรมีการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษีการค้าในสิงคโปร์ และฮ่องกงให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังควรพัฒนาระบบขนส่ง โดยเห็นด้วยกับโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลในบางโครงการเท่านั้น เพราะถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประเทศให้เกิดการค้าที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มองว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังไม่ถึงทางตัน เพราะที่ผ่านมา ประเทศมีการพัฒนาจากการผลิตของภาคเอกชนไทยยังเป็นผู้นำของโลก ที่สำคัญรัฐบาลไม่ควรมาจากนักธุรกิจ เพราะสร้างปัญหาให้เกิดการเข้ามาหาผลประโยชน์ สร้างความเหลื่อมล้ำให้แก่ประเทศ
“การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยที่มีผลกระทบมาจากวิกฤตการเมืองไทย ทางออกที่ง่ายที่สุด คือ นายกรัฐมนตรี ลาออก ถึงค่อยมาปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แค่กำหนดนโยบาย ต้องมีการติดตามการดำเนินงานด้วย”
ด้านนายนิพนธ์ พัวพงศกร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจรายสาขาด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยที่สำคัญจะต้องมีการสร้างสถาบันที่สามารถกำจัดการทุจริต เนื่องจากที่ผ่านมา การทุจริตที่เกิดขึ้นเกิดจากการเข้ามาแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจของกลุ่มนักธุรกิจการเมือง เช่น นโยบายประชานิยมอย่างโครงการรับจำนำข้าว หรือโครงการขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยการทุจริต นอกจากนี้ ไทยยังประสบปัญหาการประสานงานระหว่างรัฐบาล และภาคเอกชน ซึ่งควรต้องมีการร่วมมือการดำเนินงานกันมากขึ้น