“กรมธนารักษ์” เร่งหามาตรการดึงเหรียญกษาปณ์ที่ไม่ถูกนำมาใช้กลับสู่ระบบเศรษฐกิจหวังลดต้นทุนการผลิต พร้อมตั้งทีมเข้าแลกเหรียญถึงแหล่งที่มีเหรียญกษาปณ์จากวัด
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนเหรียญ 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เนื่องจากปริมาณเหรียญผลิตออกใช้ในระบบมีการหมุนเวียนค่อนข้างน้อย เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะไม่นำออกมาใช้จ่าย และมักเก็บไว้ที่บ้าน การใช้ทำบุญตามวัดต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าเกิดความไม่สะดวกในการนำมาใช้จ่าย ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะไม่ใช้เหรียญ 2 ชนิดดังกล่าว เพราะพ่อค้าแม่ค้าร้านทั่วไป หาบเร่งแผงลอยมักจะคิดราคาสินค้า 1 บาท 5 บาท 10 บาท ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อยังต้องการใช้เหรียญทั้ง 2 ชนิดเพื่อใช้สำหรับทอนเงิน จึงต้องใช้ระบบปันส่วนให้กระจายไปก่อน โดยในช่วงขาดแคลนผู้ประกอบการยอมขาดทุนทอนในจำนวนเต็มแทน
ขณะที่ต้นทุนการผลิตเหรียญกษาปณ์ในปัจจุบันได้แพงขึ้น เพราะวัสดุในการผลิตเหรียญมีมูลค่ามากกว่าราคาหน้าเหรียญ ปัจจุบัน เหรียญกษาปณ์ในระบบมีทั้งสิ้น 25,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 ของปริมาณเงินในระบบ แบ่งเป็นเหรียญชนิดราคา 50 สตางค์ จำนวน 2,234 ล้านเหรียญ และเหรียญสลึง จำนวน 3,269 ล้านเหรียญ
ปัญหาขาดแคลนเหรียญเกิดขึ้นหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์รับแลกเหรียญ กรมธนารักษ์ จ.เชียงใหม่ มีปัญหาเหรียญสลึง เหรียญ 50 สตางค์ไม่เพียงพอต่อการจัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการที่มาแลกเหรียญตั้งแต่ปลายปีก่อน มีความต้องการปริมาณการเหรียญสลึง 200,000 บาทต่อวัน หรือคิดเป็นจำนวนเหรียญสลึง 800,000 เหรียญต่อวัน แต่สามารถให้แลกเหรียญได้เพียงวันละ 10,000 บาท หรือจำนวนเหรียญ 40,000 เหรียญเท่านั้น ทำให้การจัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการเป็นไปอย่างจำกัด
นายนริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์จึงต้องเร่งหาแก้ไขปัญหาด้วยการดำเนินการให้มีการนำเหรียญกษาปณ์บางชนิดที่ไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้ออกมาใช้ให้เพิ่มมากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะขณะนี้ กรมธนารักษ์เองในบางช่วงผลิต และส่งมอบเหรียญบางชนิดราคาไม่ทันความต้องการของระบบอยู่แล้ว เพราะต้องนำเข้าหน้าเหรียญเปล่าจากต่างประเทศ ซึ่งต้นทุนเหรียญสูงกว่ามูลค่าเหรียญ
แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ตั้งทีมเข้าไปรับแลกเหรียญในแต่ละพื้นที่ที่มีเหรียญอยู่จำนวนมาก เช่น วัดดังที่มีการทำบุญจำนวนมาก ล่าสุดเ ข้าไปรับแลกวัดเขาคิชกูฏได้เงินถึง 10 ล้านบาท เป็นเหรียญทุกประเภท และขณะนี้มีอีกหลายวัดติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับแลกเหรียญมากขึ้นก็จะทำให้กรมมีเหรียญกษาปณ์เพิ่มมากขึ้นสามารถนำมากระจายได้
ปัจจุบัน กรมธนารักษณ์ ดึงภารกิจการกระจายเหรียญกษาปณ์มาจากกรมบัญชีกลาง พร้อมกับตั้งศูนย์รับแลกเหรียญคือ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี สงขลา และสุราษฎร์ธานี ทำให้การกระจายเหรียญสะดวกขึ้น เพราะสามารถกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้ จากเดิมต้องเบิกเหรียญจากส่วนกลางอย่างเดียว
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเหรียญระยะยาว กรมธนารักษ์ว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยมหิดลทำการศึกษาปัญหาให้ชัดเจนถึงสาเหตุของการขาดแคลนเหรียญกษาปณ์และให้แต่ละพื้นที่เข้าไปร่วมสำรวจเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเหรียญกษาปณ์ต่อไป
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนเหรียญ 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เนื่องจากปริมาณเหรียญผลิตออกใช้ในระบบมีการหมุนเวียนค่อนข้างน้อย เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะไม่นำออกมาใช้จ่าย และมักเก็บไว้ที่บ้าน การใช้ทำบุญตามวัดต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าเกิดความไม่สะดวกในการนำมาใช้จ่าย ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะไม่ใช้เหรียญ 2 ชนิดดังกล่าว เพราะพ่อค้าแม่ค้าร้านทั่วไป หาบเร่งแผงลอยมักจะคิดราคาสินค้า 1 บาท 5 บาท 10 บาท ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อยังต้องการใช้เหรียญทั้ง 2 ชนิดเพื่อใช้สำหรับทอนเงิน จึงต้องใช้ระบบปันส่วนให้กระจายไปก่อน โดยในช่วงขาดแคลนผู้ประกอบการยอมขาดทุนทอนในจำนวนเต็มแทน
ขณะที่ต้นทุนการผลิตเหรียญกษาปณ์ในปัจจุบันได้แพงขึ้น เพราะวัสดุในการผลิตเหรียญมีมูลค่ามากกว่าราคาหน้าเหรียญ ปัจจุบัน เหรียญกษาปณ์ในระบบมีทั้งสิ้น 25,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 ของปริมาณเงินในระบบ แบ่งเป็นเหรียญชนิดราคา 50 สตางค์ จำนวน 2,234 ล้านเหรียญ และเหรียญสลึง จำนวน 3,269 ล้านเหรียญ
ปัญหาขาดแคลนเหรียญเกิดขึ้นหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์รับแลกเหรียญ กรมธนารักษ์ จ.เชียงใหม่ มีปัญหาเหรียญสลึง เหรียญ 50 สตางค์ไม่เพียงพอต่อการจัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการที่มาแลกเหรียญตั้งแต่ปลายปีก่อน มีความต้องการปริมาณการเหรียญสลึง 200,000 บาทต่อวัน หรือคิดเป็นจำนวนเหรียญสลึง 800,000 เหรียญต่อวัน แต่สามารถให้แลกเหรียญได้เพียงวันละ 10,000 บาท หรือจำนวนเหรียญ 40,000 เหรียญเท่านั้น ทำให้การจัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการเป็นไปอย่างจำกัด
นายนริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์จึงต้องเร่งหาแก้ไขปัญหาด้วยการดำเนินการให้มีการนำเหรียญกษาปณ์บางชนิดที่ไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้ออกมาใช้ให้เพิ่มมากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะขณะนี้ กรมธนารักษ์เองในบางช่วงผลิต และส่งมอบเหรียญบางชนิดราคาไม่ทันความต้องการของระบบอยู่แล้ว เพราะต้องนำเข้าหน้าเหรียญเปล่าจากต่างประเทศ ซึ่งต้นทุนเหรียญสูงกว่ามูลค่าเหรียญ
แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ตั้งทีมเข้าไปรับแลกเหรียญในแต่ละพื้นที่ที่มีเหรียญอยู่จำนวนมาก เช่น วัดดังที่มีการทำบุญจำนวนมาก ล่าสุดเ ข้าไปรับแลกวัดเขาคิชกูฏได้เงินถึง 10 ล้านบาท เป็นเหรียญทุกประเภท และขณะนี้มีอีกหลายวัดติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับแลกเหรียญมากขึ้นก็จะทำให้กรมมีเหรียญกษาปณ์เพิ่มมากขึ้นสามารถนำมากระจายได้
ปัจจุบัน กรมธนารักษณ์ ดึงภารกิจการกระจายเหรียญกษาปณ์มาจากกรมบัญชีกลาง พร้อมกับตั้งศูนย์รับแลกเหรียญคือ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี สงขลา และสุราษฎร์ธานี ทำให้การกระจายเหรียญสะดวกขึ้น เพราะสามารถกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้ จากเดิมต้องเบิกเหรียญจากส่วนกลางอย่างเดียว
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเหรียญระยะยาว กรมธนารักษ์ว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยมหิดลทำการศึกษาปัญหาให้ชัดเจนถึงสาเหตุของการขาดแคลนเหรียญกษาปณ์และให้แต่ละพื้นที่เข้าไปร่วมสำรวจเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเหรียญกษาปณ์ต่อไป