ผู้บริหารบิลท์แลนด์ฯ ระบุอสังหาฯ ยังชะลอตัว การลงทุนยังนิ่ง ส่งผลดีราคาที่ดินไม่ปรับตัวขึ้น เผยเดินหน้าไล่ชอปที่ดินพร้อมยื่นขอ สวล.แก้ปมงานก่อสร้าง-เปิดขายล่าช้า หวังเร่งงานก่อสร้าง ลดระยะเวลาดำเนินการ เชื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องของรายได้ในอนาคต แจงปี 57 เปิด 2 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย1,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 200 ล้านบาทจากสต๊อกห้องชุดรอขายในมือ
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 ยังอยู่ในช่วงหดตัวจากปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ขณะที่ผู้ประกอบการต่างชะลอการเปิดโครงการใหม่ และปรับแผนการลงทุนใหม่ๆ เพื่อรอดูสถานการตลาดก่อนจะตัดสินใจขยายการลงทุนในปีนี้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ผลจากการชะลอแผนการลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วงต้นปี อาจทำให้บางรายมีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อซื้อที่ดินสะสมไว้รอพัฒนาโครงการใหม่ ส่วนประเภทที่ซื้อที่ดินสะสมเข้ามาด้วยกระแสเงินสด จะเกิดอาการ “อืดที่ดิน” เพราะไม่สามารถนำที่ดินออกมาพัฒนาโครงการใหม่ เนื่องจากตลาดไม่เอื้ออำนวย แต่กระนั้นท่ามกลางภาวะปัจจุบัน อาจจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการที่มีกระแสเงินในมือ และกำลังมองหาที่ดิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาโครงการแนวสูง ซึ่งในขณะนี้ราคาที่ดินยังไม่มีการปรับตัวขึ้น เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนในการขยายการลงทุนเข้ามาเสริม
“มองว่าเป็นช่วงที่ดีของบริษัทที่จะสามารถหาซื้อที่ดินใหม่เข้ามารองรับการพัฒนาโครงการในปี57 และ 58 โดยในปีนี้ ได้เตรียมงบจัดซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท โดยมาจากกำไรของบริษัท บิลท์แลนด์ ประมาณ 400 ล้านบาท และเป็นเงินกู้ยืมจากบริษัทแม่ พรีบิลทด์ 600 ล้านบาท”
นายชัยรัตน์ กล่าวถึงการบริหารจัดการรายได้ของบริษัทในอนาคตนั้น ช่วงต้นปีจะเร่งซื้อที่ดินมารอการพัฒนา เนื่องจากโครงการที่ผ่านมาติดปัญหาการขออนุมัติการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการ และการเปิดขายโครงการ ดังนั้น ทุกแปลงที่ซื้อเข้ามาใหม่จะยื่นขออนุมัติ สวล.ในทันที เนื่องจากการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะใช้เวลาไม่แน่นอน บางโครงการอาจใช้เวลาถึง 1 ปี
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นขอ สวล.อยู่ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม เทมโป้ รามคำแหง อาคารชุดสูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 150 ยูนิต บนที่ดิน 1 ไร่ มูลค่า 270 ล้านบาท โครงการเทมโป้ ศรีปทุม อาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 320 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท และโครงการ เทมโป้ สะพานใหม่ อาคารสูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 120-150 ยูนิต มูลค่า 220 ล้านบาท และโครงการ เทมโป้แกรนด์ วุฒากาศ โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถเปิดขายโครงการใหม่ได้ 2 โครงการ คือ โครงการเทมโป้รามคำแหง เปิดขายกลางปี และโครงการ เทมโป้แกรนด์ วุฒากาศ ส่วนโครงการที่สะพานใหม่ คาดเปิดขายไตรมาส 1 ปี 58 และโครงการที่ศรีปทุม คาดเปิดขายไตรมาส 2 ปี 58
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 3 แปลง ประกอบด้วย ที่ดินในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในอำปราณบุรี 1 แปลง ที่ดินย่านบางบัวทอง 1 แปลง และอีก 1 แปลงย่านสะพานใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาสที่ 2 ของปี 57 นี้ โดยจะใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินรวม 500 ล้านบาท
“ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากโครงการใหม่ 1,000 ล้านบาท คาดมียอดรับรู้รายได้จากห้องชุดรอการขายในมือ 200 ล้านบาท ประกอบด้วย ห้องชุดจากโครงการเดอะ เทมโป้ พหลโยธิน 2 ยูนิต เทมโป้ รัชดา 9 ยูนิต เทมโป้ ติวานนท์ 10 ยูนิต และทาวน์เฮาส์ ในย่านติวานนท์อีก 10 ยูนิต”