“คลัง” โวย กปปส.ปิด 3 กรมภาษี กระทบการทำงานเป็นอัมพาต ฉุดจัดเก็บรายได้ปีงบ 57 ส่อหลุดเป้า 2.27 ล้านล้านบาท สั่งเร่งยกเครื่องแผนรีดรายได้ใหม่ แย้มข่าวร้าย “สรรพากร” อาจคืนเงินได้ช้า
นางเบญจา หลุยเจริญ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตนเองได้สั่งการไปยังกรมภาษี โดยเฉพาะกรมสรรพากร ให้เร่งปรับวิธีการทำงานใหม่ หลังจากต้องถูกกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ปิดกรมที่ซอยอารีย์ และสรรพากรพื้นที่หลายแห่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จนเข้าทำงานไม่ได้นั้น เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงของการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งปีนี้อัตราภาษีดังกล่าวได้ถูกปรับลดลงเป็นปีแรกด้วย จึงทำให้คาดว่าจะมีประชาชนยื่นขอคืนภาษีมากขึ้น ขณะที่กรมสรรพากร ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้การขอคืนภาษีล่าช้า
“แม้กรมจะถูกปิด แต่การให้บริการประชาชนหยุดไม่ได้ เท่าที่ได้รับรายงานกรมสรรพากรเริ่มทยอยคืนภาษีบุคคลธรรมดาไปแล้วประมาณ 4-5 หมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ได้คืนยื่นแบบผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ดังนั้น หากช่วงนี้ประชาชนที่ไม่สะดวกติดต่อกรมสรรพากรให้ติดต่อ หรือยื่นภาษีผ่าอินเทอร์เน็ตจะสะดวกกว่า โดยผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมีอยู่ประมาณ 10 ล้านราย”
ทั้งนี้ จากปัญหาทางการเมือง และกรมภาษีทั้ง 3 กรม ได้แก่ กรมสรรพากร สรรพสามิต และกรมศุลกากร ถูกปิด มีความกังวลว่าการจัดเก็บภาษีในเดือน ม.ค.นี้จะต่ำกว่าเป้าหมายมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการบริโภคของประชาชนลดลง จะทำให้การจัดเก็บภาษีลดลง และส่วนหนึ่งเกิดจากการนำเข้าที่จะลดลงด้วย โดยเริ่มมีสัญญาณแล้วว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว่า ขณะนี้คงต้องรอตัวเลขจากกรมภาษีว่าสามารถจัดเก็บรายได้ในเดือน ม.ค.นี้เป็นเท่าใด ซึ่งตามปกติจะรายงานตัวเลขการจัดเก็บได้ในวันที่ 5 แต่จากการที่กรมภาษีถูกปิด จึงทำให้ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรวบรวมตัวเลขได้ตามกำหนดเดิมหรือไม่
นอกจากนี้ ปัญหาทางการเมืองทำให้การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี คือ กรมสรรพากร ศุลกากร และสรรพสามิต ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบ 2557 (ต.ค.-ธ.ค.2556) การจัดเก็บของ 3 กรมภาษีต่ำกว่าเป้าหมายเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เฉพาะเดือน ธ.ค.ต่ำกว่าเป้าหมายเกือบ 5 พันล้านบาท และเท่าที่ดูตัวเลขในส่วนของแวตเริ่มปรับลดลงในเดือน ธ.ค. 561 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมภาษีทั้ง 3 แห่งกำลังเตรียมแผนจัดเก็บรายได้เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ โดยขณะนี้การชุมนุมทางการเมืองยังยืดเยื้อ คงบอกยากว่าปีนี้การจัดเก็บรายได้รวมจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.275 ล้านล้านบาทหรือไม่ แต่ได้กำชับให้กรมภาษีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้การเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายมากนัก หากต่ำมากจะกระทบต่องบประมาณรายได้จ่าย
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2557 การจัดเก็บรายได้ของ 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้นั้น ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง และมีแนวโน้มที่รายได้จะลดลงต่อหากสถานการณ์การเมืองยังมีความยืดเยื้อ โดยกระทรวงการคลัง ได้ประเมินภาพรวมการจัดเก็บรายได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังประเมินภาพรวมการจัดเก็บรายได้ไว้ที่เป้าหมายเดิม คือ 2.275 ล้านล้านบาท ซึ่งหน่วยงานจัดเก็บจะต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บให้มากขึ้น