“บี เตชะอุบล” ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงส่งไปยัง ก.ล.ต. เพื่อขอความเป็นธรรม และขอยืนยันการดำเนินการของตนทำไปโดยมิได้มีเจตนาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามที่ ก.ล.ต.แจ้งมา ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องที่เกิดจากความสำคัญผิดในลักษณะของธุรกรรมซื้อขายหุ้นของตนเอง มิได้มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์เอาเปรียบ
จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้สอบถามเกี่ยวกับการกำหนดราคาเสนอซื้อตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (EIC) โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 นายบี เตชะอุบล ได้ซื้อหุ้น EIC จานวน 1,017,500 หุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท ในขณะที่ได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EIC โดยกำหนดราคาซื้อหุ้นไว้ที่หุ้นละ 1.25 บาท ซึ่งตามคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์ทั้งหมดเพื่อครอบงำกิจการ เป็นการซื้อที่มิได้เป็นราคา หรือรูปแบบเดียวกัน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 247 และมาตรา 251 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม) และ ก.ล.ต.ได้ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 27 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นระยะเวลาสิ้นสุดการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EIC นั้น
นายบี เตชะอุบล เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวข้างต้นว่า ล่าสุด ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงส่งไปยัง ก.ล.ต. เพื่อขอความเป็นธรรม และขอยืนยันว่าการดำเนินการของตนทำไปโดยมิได้มีเจตนาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามที่ ก.ล.ต.แจ้งมาแต่อย่างใด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องที่เกิดจากความสำคัญผิดในลักษณะของธุรกรรมซื้อขายหุ้นของตนเอง มิได้มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ เอาเปรียบ หรือปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นโดยไม่เป็นธรรมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“ผมเข้าใจโดยสุจริตว่า สามารถซื้อหุ้น EIC ได้ภายหลังจากระยะเวลา 90 วันนั้น และเป็นการกระทำที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย อย่างไรก็ดี ภายหลังที่ได้ปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายในวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ทันทีภายหลังที่ได้หุ้นดังกล่าวมา ผมได้รับคำแนะนำว่าการได้หุ้นดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นเรื่องที่ผมได้สำคัญผิดในลักษณะของธุรกรรมซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าสามารถทำได้ แต่จริงๆ ไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากรู้ตั้งแต่ต้นผมก็จะไม่ทำรายการซื้อหุ้นดังกล่าวอย่างแน่นอน”
นายบี ระบุว่า เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว ในเวลาก่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดการซื้อขายในวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ได้หุ้นดังกล่าวมา ตนได้แจ้งต่อบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (บริษัทหลักทรัพย์ฯ) ว่า ตนอยู่ในช่วงการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ EIC ซึ่งตนสำคัญผิดโดยที่ปรึกษากฎหมายได้แจ้งว่าการซื้อขายดังกล่าวอาจเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตนจึงได้ยกเลิกการทำธุรกรรมการซื้อขายดังกล่าวต่อบริษัทหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเยียวยาแก้ไขเหตุการณ์ในขณะนั้น โดยข้าพเจ้าได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ฯ เร่งโอนหุ้นจานวนทั้งหมดที่ได้มาในขณะนั้น กล่าวคือ หุ้นจานวน 1,017,500 หุ้น ให้แก่บุคคลอื่นทันทีในราคา 3.50 บาท โดยข้าพเจ้าไม่ได้ผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
“จากข้อเท็จจริงข้างต้น ผมขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิดเงื่อนไขการคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ EIC ตามหนังสือดังกล่าวข้างต้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะหากมีเจตนา ผมคงไม่แจ้งยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทันที และคงไม่โอนหุ้นทั้งจำนวนออกไปโดยทันทีในวันเดียวกัน”
