นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัยและธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)กล่าวว่า ธนาคารร่วมกับมาสเตอร์การ์ด ในการเปิดใช้งานตู้เอทีเอ็มกว่าพันเครื่องในประเทศไทยที่สามารถรองรับการทำธุรกรรมด้วยบัตรแบบมีชิป หรือ “ชิปการ์ด” ได้ โดยครึ่งหนึ่งของเครื่องที่ได้รับการอัปเกรดแล้วนั้นตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะเขตศูนย์กลางย่านธุรกิจ สถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งชอปปิ้ง ส่วนอีกครึ่งที่เหลือกระจายอยู่ในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ชลบุรี หัวหิน ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เกาะพะงัน เกาะสมุย และกระบี่
ด้วยมาตรฐานระดับสากลของมาสเตอร์การ์ด ขั้นตอนต่างๆ ที่เกิดจากการทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็มของกรุงศรีที่สามารถรองรับบัตรแบบมีชิปได้ จึงมีความปลอดภัยมากขึ้น เป็นการป้องกันเหล่ามิจฉาชีพที่ต้องการคัดลอก และปลอมแปลงข้อมูล หรือสกิมมิ่งจากตู้เอทีเอ็มที่รองรับชิปการ์ด เมื่อเทียบกับตู้เอทีเอ็มทั่วไปที่รองรับเพียงบัตรชนิดแถบแม่เหล็ก
ทั้งนี้ การทำธุรกรรมผ่านบัตรแบบมีชิป หรือ EMV chip card นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากการถูกโจรกรรม มากกว่าการทำผ่านบัตรชนิดแถบแม่เหล็กที่ใช้เพียงการตรวจสอบลายเซ็นของผู้ถือบัตร และลักษณะบัตรภายนอกเท่านั้น นอกเหนือจากการใช้ระบบชิปในเอทีเอ็มแล้ว มาตรฐานชิปการ์ดยังถูกใช้ในธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ เช่น การชำระเงินทางโทรศัพท์ หรือทางออนไลน์ เทคโนโลยีดังกล่าวไม่เพียงเป็นการเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยลดอัตราการเกิดการฉ้อโกง และช่วยให้การควบคุมการตรวจสอบบัตรเครดิตเป็นไปได้อย่างดีขึ้นอีกด้วย
“กรุงศรีเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่ตู้เอทีเอ็มสามารถรองรับการทำรายการด้วยบัตรมาสเตอร์การ์ดที่มี EMV ชิปการ์ด พร้อมตอบสนองนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ส่งเสริมให้ทุกธนาคารพาณิชย์ออกบัตรติดชิป และพัฒนาตู้เอทีเอ็มให้รองรับการใช้งานผ่านบัตรดังกล่าวได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ถือบัตรทั่วประเทศ”