xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” กระทุ้งรัฐทบทวน “จำนำข้าว” ปรับเกณฑ์ “จีทูจี” หวั่นชื่อเสียง “รบ.ปู” ฉาวโฉ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
อดีตขุนคลัง “ธีระชัย” แนะรัฐบาลทบทวนโครงการ “จำนำข้าว” พร้อมปรับหลักเกณฑ์ขายแบบ “จีทูจี” หลังถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเข้าข่ายทุจริต สะท้อนประเทศต้องเร่งปฏิรูปเพื่อป้องปรามทุจริตคอร์รัปชันด่วนที่สุด แนะควรจ่ายตรงให้เกษตรกร หรือผ่านช่องทาง “ธ.ก.ส.” คาดส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า เป็นการยืนยันว่าโครงการดังกล่าวมีลักษณะเข้าข่ายการทุจริต และเชื่อว่าหลังจาก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ก็จะกระทบต่อชื่อเสียงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์พอสมควร

ดังนั้น จึงเห็นว่าควรมีการทบทวนโครงการจำนำข้าว เพราะเป้าหมายเดิมที่รัฐบาลต้องการจำนำมาเก็บข้าวไว้กับตัวเอง ก็เพื่อต้องการให้ราคาข้าวในตลาดสูงขึ้น แต่สุดท้ายก็พิสูจน์เมื่อราคาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ทั้งยังเกิดการขาดทุน มีความเสี่ยงต่อการทุจริต มีต้นทุนด้านการเก็บรักษาที่สูง

รัฐบาลจึงควรใช้จังหวะเวลานี้ในการปรับกติกาบริหารเศรษฐกิจ โดยอาจทำได้โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการห้ามไม่ให้รัฐบาลแทรกแซงสินค้าเกษตร ด้วยการซื้อสินค้าเกษตรมาเก็บไว้ในสต๊อกจนเป็นภาระมากจนเกินไป แต่อาจช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือโดยตรงผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ทั้งเพื่อใช้ในการซื้อหาต้นทุนการผลิต หรือการให้เงินเปล่าลดภาระให้แก่เกษตรกร

“ควรห้ามไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงสินค้าเกษตร ในลักษณะที่รัฐบาลเป็นกรรมสิทธิ์ในตัวสินค้า ควรใช้วิธีอื่น จ่ายเงินโดยตรงให้เกษตรกร หรือผ่าน ธ.ก.ส.” นายธีระชัยกล่าว

นอกจากนี้ การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ก็ควรมีการแก้ไขเกณฑ์กติกาด้วย เช่น ผู้ส่งออกควรจะต้องเป็นหน่วยงานทางราชการเท่านั้น ส่วนการชำระเงินก็ให้มีการเปิดลักษณะ LC ที่เหมือนเป็นการซื้อขายตามปกติ โดยขณะนี้เห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะมีการปฏิรูปอย่างจริงจัง

นายธีระชัย กล่าวในงานสัมมนา อนาคตเศรษฐกิจไทยปี 2557 ถึงผลกระทบจากการชุมนุมชัตดาวน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม ว่า ยอมรับว่าคงมีบ้าง และไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อจนเกินไปเพราะอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่น ทั้งภาคการท่องเที่ยว และการลงทุน จึงหวังว่าจะสามารถหาทางออกได้โดยเร็ว ส่วนการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในขณะนี้คงทำได้ยากต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายลงก่อน

นอกจากนี้ ทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลหากหลังการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลมาจากพรรคการเมืองเดิม นโยบายด้านประชานิยม เหยียบคันเร่งยังมีต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มอีก

แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีรัฐบาลคนกลางเข้ามาบริหาร การใช้จ่ายภาครัฐจะลดลง อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจะโตน้อย แต่เศรษฐกิจจะมีเสภียรภาพมากขึ้น เพราะรัฐบาลคนกลางจะไม่ทำนโยบายที่เน้นการบริโภคระยะสั้น ในลักษณะไฟไหม้ฟาง ดังนั้น นโยบายการคลังคงมีบทบาทต่อเศรษฐกิจน้อย ต้องพึ่งนโยบายการเงิน ซึ่งมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
กำลังโหลดความคิดเห็น