ไนท์แฟรงค์ฯ ยืนยันคอนโดฯ ยังไม่มีสัญญาณฟองสบู่ ขณะที่ผลสำรวจพบ ลาดพร้าว-รัชดา-พระราม 9 สินค้าใหม่ 6,860 ยูนิต ขณะที่ย่านเพลินจิต-สาทร สินค้าใหม่ 4,803 ยูนิต ตะลึงพัทยาคอนโดฯ เปิดขายในตลาด 47,850 ยูนิต พร้อมเผยคอนโดฯ ระดับไพรม์ในกรุงเทพฯ สามารถแข่งขันได้ในเอเชียแปซิฟิกได้ ปีหน้าเล็งจัดโรดโชว์ที่กัวลาลัมเปอร์ เซี่ยงไฮ้
นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและและผู้อำนวยการ- หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่มีสัญญาณของสภาวะฟองสบู่ โดยหากพิจารณาตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เป็น 4 ส่วน จะพบว่า 1.ดอนโดมิเนียมในพื้นที่ศูนย์กลางย่านธุรกิจที่อยู่บริเวณเพลินจิต และสาทร จะไม่มีสภาวะฟองสบู่เพราะที่ดินหายาก และมีที่ดินเหลือไม่กี่แปลงสำหรับการพัฒนาให้เป็นอาคารสูง ที่ดินที่ยังเหลืออยู่ก็มีราคาแพงมาก คอนโดมิเนียมเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับคุณภาพ และราคาที่สูง ความต้องการซื้อมีอยู่เสมอ แต่มีการตอบสนองความต้องการที่จำกัด ดังนั้น คอนโดฯ บริเวณนี้จึงเหมาะแก่การลงทุน
สำหรับซัปพลายของคอนโดฯ ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจมีจำนวน 22,003 ยูนิต แบ่งเป็นซัปพลายเก่า 17,200 ยูนิต และซัปพลายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในปีนี้ 4,803 ยูนิต เมื่อเทียบกับปี 2555 มีซัปพลายรวมกัน 17,200 ยูนิต โดยมีซัปพลายใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 5,708 ยูนิต ขณะที่ราคาขายปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 139,592 บาท/ตร.ม. ในปี 2554 มาเป็น 150,684 บาท/ตร.ม. และ 175,542 บาท/ตร.ม. ในปัจจุบัน
2.บริเวณสุขุมวิทซอย 3 ถึง ซอย 69 และพระโขนง คอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้โดดเด่นสำหรับการลงทุนเช่นกัน โดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างซอย 3 ถึงซอย 55 ขนาดประมาณ 1 ถึง 2 ห้องนอน นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่า 5-6%
3.เขตพื้นที่ชานเมือง เช่น ลาดพร้าว รัชดา และพระราม 9 คอนโดฯ ในส่วนนี้มีศักยภาพสูงเพราะการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ง่าย เช่น รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่ดินที่เหลืออยู่ราคายังไม่สูงมาก ดังนั้น จึงอาจจะมีซัปพลายใหม่ในอนาคต ตลาดคอนโดฯ รีเซลในพื้นที่นี้ไปได้ดีเช่นกันสำหรับหลายๆ โครงการที่ตั้งอยู่ภายในระยะ 200 เมตร จากระบบขนส่งมวลชน ในย่านนี้มีคอนโดฯ จำนวน 29,374 ยูนิต แบ่งเป็น ซัปพลายคงเหลือจากปี 55 จำนวน 22,514 และซัปพลายเปิดใหม่ในปี 56 จำนวน 6,860 ยูนิต ขณะที่ราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกันจากปี 54 ราคาเฉลี่ยที่ 77,206 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นมาเป็น 84,234 บาท/ตร.ม. ในปี 55 และ 106,897 บาท/ตร.ม. ในปัจจุบัน
4.คอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบนอก สำหรับบริเวณนี้บริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควรตระหนักถึงเกรดของคอนโดฯ เพราะดีมานด์ในพื้นที่นี้ตระหนักถึงราคาเป็นหลัก ดังนั้น บริษัทผู้พัฒนาจึงมีแนวโน้มที่จะสร้างคอนโดฯ ให้มีขนาดยูนิตเล็กลง และราคาต่ำลง
นายข่าน กล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบตลาดคอนโดฯ ระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯ กับตลาดของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก จะพบว่า คอนโดฯ ระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในหลายๆ เมือง เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ได้ ด้วยคุณภาพ และคุณสมบัติที่เทียบกันได้ในราคาที่ต่ำกว่า เช่น เดอะ สุโขทัย เรสซิเด้นท์เซส และเซนต์ รีจีส เรสซิเด้นท์เซส บริษัทผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมควรมุ่งเน้นไปที่มาตรฐานระดับไฮ-เอนด์ในคุณสมบัติของคอนโดมิเนียม ควบคู่ไปกับการออกแบบที่เพิ่มมูลค่า เช่น ห้องนอนหลักขนาดใหญ่ขึ้น และพื้นที่ห้องนั่งเล่น และครัวที่กว้างขึ้น คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากฮ่องกง ลอนดอน ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดีย และรัสเซีย
เมื่อพิจารณาการแข่งขันที่มีของคอนโดฯ ระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯ และความต้องการซื้อจากผู้ซื้อ และนักลงทุนชาวต่างชาติ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จึงวางแผนที่จะขยายงาน exhibition ในปีหน้า เพื่อนำคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ไปขยายตลาดสู่นักลงทุน และผู้ซื้อที่กัวลาลัมเปอร์ และเซี่ยงไฮ้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้รับผลตอบรับด้านบวกมาแล้วจากตลาดการลงทุน และผู้ซื้อชาวสิงคโปร์ และชาวฮ่องกง นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่รู้จักกรุงเทพฯ และภูเก็ตเป็นอย่างดี ซึ่งที่บ้านเราได้ประโยชน์จากแผนการเก็บภาษีที่ดึงดูดผู้ซื้อ สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นความสนใจจากผู้ซื้อในอนาคต
นายข่าน คาดการณ์ว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่สดใสสำหรับตลาดคอนโดฯ รีเซล เป็นเพราะมีคอนโดฯ ระดับไพรม์จำนวนเล็กน้อยที่จะเปิดตัวสู่ตลาดในอนาคต เพราะที่ดินในเขตศูนย์กลางย่านธุรกิจมีราคาสูงกว่า 1.5 ถึง 1.6 ล้านบาทต่อตารางวา อย่างไรก็ตาม ความต้องการซื้อก็ยังคงมีอยู่ เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ต้องการคอนโดฯ ในพื้นที่ศูนย์กลางย่านธุรกิจ เช่น สุขุมวิท ซึ่งบางกลุ่มต้องการที่จะเก็บไว้เป็นมรดกของพวกเขา
สำหรับตลาดคอนโดฯ ในพัทยา กำลังเป็นที่น่าสนใจทีเดียว โควตาโครงการคอนโดฯ สำหรับชาวต่างชาติ 49% ขายหมดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ 51% สำหรับชาวไทยยังขายไม่หมด ความต้องการของผู้ซื้อชาวไทยไม่มากนักในตลาดนี้ โครงการระดับไฮ-เอนด์ อย่างเช่น รีเฟลคชั่นส์ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อชาวไต้หวัน และชาวฮ่องกง ขณะที่คอนโดฯ ราคาย่อมเยา เช่น ลากูน่า มัลดีฟส์ และอะควา เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อชาวรัสเซีย
ปีนี้มีคอนโดฯ ที่สร้างใหม่เพื่อขายถึง 17,064 ยูนิต และ 57% ของจำนวนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หาดจอมเทียน ซึ่งหากรวมกับสินค้าเก่าที่เปิดขายอยู่ก่อนหน้านี้ 30,786 ยูนิต จะพบว่ามีคอนโดฯ สะสมสูงถึง 47,850 ยูนิต เมื่อเทียบกับปี 55 มีจำนวน 30,786 ยูนิต แบ่งเป็นสินค้าเปิดใหม่ในปี 55 จำนวน 13,952 ยูนิต และเป็นยูนิตสะสมมาตั้งแต่ปี 54 จำนวน 16,834 ยูนิต