หุ้นส่งท้ายสัปดาห์ปิดลบ 4 จุด กังวลชุมนุมใหญ่ไล่นายกฯ และแรงขายต่างชาติต่อเนื่อง หวั่นเกิด capital outflow ขณะเดียวกัน ตลาดยังมีแรงหนุนจากการทำ Window Dressing และแรงซื้อจากกองทุน LTF-RMF ส่วนค่าเงินบาทอ่อนสุดรอบ 4 ปี คาดเกิดจากเงินไหลออก
ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,342.72 จุด ลดลง 3.91 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.29 มูลค่าการซื้อขาย 22,118.36 ล้านบาท โดยมีแรงขายนำหุ้นในกลุ่มธนาคาร และเทคโนโลยี ตามด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีแรงซื้อกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี
ด้านสัดส่วนการซื้อขายหุ้นแยกตามประเภทนักลงทุน ดังนี้ นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 417.47 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 250.09 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 720.15 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,387.71 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในทางลบ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมของมวลชนที่ขับไล่นายกรัฐมนตรีในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.นี้ ประกอบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ จากความกังวลว่าเงินทุนจะไหลกลับไปหลังจากสหรัฐฯ ลดขนาด QE ในเดือน ม.ค.57 ซึ่งจะเป็นเหตุที่ทำให้มีโอกาสเกิด capital outflow แต่คิดว่าไม่น่าจะแรงมาก
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (23 ธ.ค.) ตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หากออกมาในทางบวก หรือไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากังวล หรือก่อให้เกิดปัญหา ปัจจัยการเมืองจะมีน้ำหนักน้อยลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาล ผู้คนคงจะเตรียมการเฉลิมฉลองกันมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีแรงหนุนจากการทำ Window Dressing และแรงซื้อจากกองทุน LTF-RMF ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างชาติคงไม่มีอิทธิพลมากแล้วในสัปดาห์หน้า ดังนั้น โอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นก็มี แต่ก็อยู่ที่การเมืองด้วย หากสถานการณ์ออกมาในทางบวกก็จะมีแนวต้านที่ 1,350-1,370 จุด แต่ออกมาในทางลบจะมีแนวรับที่ 1,315-1,320 จุด
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนเริ่มแรงมากขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำการปรับลดขนาด QE สวนทางกับสภาพของเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดจะอ่อนค่าถึง 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 4 ปี
ขณะที่การเมืองเป็นปัจจัยลบ ทำให้เม็ดเงินลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเร็วมากขึ้น หากนับมูลค่าขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่า มียอดรวมสูงกว่า 2.07 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าซื้อสุทธิสะสมนับจากต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบันคงเหลือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 82,000 ล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่จะเห็นแรงขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยต่อไปในช่วงต้นปี 2557 หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อออกไปจนถึงไตรมาส 1/57
อีกประเด็นหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตลาดหุ้นไทย คือ แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หากเกิดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อจนมีผลกระทบต่อผลประกอบการ 1/57 ก็จะทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดการปรับลดประมาณกำไรของบริษัทจดทะเบียนลง
ด้านเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ช่วงเย็นเคลื่อนไหว 32.64 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากยังมีแรงเทขายในตลาดหุ้น ต่างชาติย้ายเงินกลับในช่วงสิ้นปี บวกกับเฟดลดขนาด QE ทำให้มีเงินไหลออกอย่างต่อเนื่อง