บล.ไทยพาณิชย์ คาดแนวโน้มหุ้นไทยไตรมาส 1/57 อาจผันผวนตามตลาดโลก แนะนักลงทุนต้องมองข้ามปัญหาการเมือง พร้อมหวังว่าฤดูกาลเข้าซื้อของกองทุน LTF ช่วยหนุนดัชนีฯ ตั้งเป้าปลายปี 57 ดัชนีพุ่งแตะ 1,600 จุด เผยกลยุทธ์ลงทุน Q1/57 เน้นหุ้นกลุ่มที่มีกำไรชัดเจน มีปัจจัยกระตุ้นกำไรที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มเศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่าในประเทศ และมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBS เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 1/2557 จะผันผวนตามตลาดโลก ซึ่งปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และไทย แต่หลังจากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว บรรยากาศในการลงทุนน่าจะปรับตัวดีขึ้น
ส่วนปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทยมองว่า ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว อีกทั้งตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยหนุนจากฤดูกาลเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาเสริม โดยคาดว่าเป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2557 อยู่ที่ 1,600 จุด
อย่างไรก็ตาม SCBS ได้ปรับประมาณการอัตราเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2556 อยู่ที่ 12% จากที่คาดการณ์ไว้ 17% และปี 2557 อยู่ที่ 16% หลังจากผลประกอบการไตรมาส 3/2556 ตัวเลขไม่ดีมากนัก แต่เชื่อว่าความเสี่ยงในการปรับลดประมาณการลงอีกมีไม่มาก เพราะจีดีพีไตรมาส 3/2556 มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
“สถานการณ์การเมืองอาจกดดันให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวน หรือปรับตัวลดลงได้ต่อเนื่อง เนื่องจากที่ผ่านมา การเมืองไทยเข้าสู่ทางตัน 3 ครั้งใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ พฤษภาทมิฬ ปี 2535, เสื้อเหลืองชุมนุม ปี 2551 และเสื้อแดงชุมนุม ปี 2553 ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนาน 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน ในระหว่างนั้นตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 4-34% และใช้เวลา 1-6 เดือน จึงฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤต ส่วนวิกฤตการเมืองในปัจจุบันเกิดขึ้นเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว และตลาดก็ปรับตัวลดลงมาแล้ว 5% หากเทียบข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา จะพบว่าการคาดการณ์ว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายลงได้อย่างไร เป็นความพยายามที่ไร้ผล ดังนั้น ในบางครั้งจึงจำเป็นต้องมองข้ามการเมืองไปบ้าง”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นในไตรมาส 1/2557 แนะนำให้เน้นหุ้นกลุ่มที่มีกำไรชัดเจน มีปัจจัยกระตุ้นกำไรที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มเศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่าในประเทศ และมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นเด่น คือ บมจ.บ้านปู (BANPU) บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และ บมจ.ปตท. (PTT)