บิ๊กแบงก์กรุงเทพ ระบุควรปฎิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง แม้จะเสียเวลาไปบ้าง แต่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ยันไม่ห่วงเอ็นพีแอล เพราะแบงก์ระมัดระวังระยะหนึ่งแล้ว
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้น ในความคิดของตน เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ แม้ว่าจะทำให้ต้องเสียเวลามีการเลือกตั้งช้าไปบ้าง แต่หากผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งจบลง และประเทศสามารถเดินหน้าต่อได้ ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นความเป็นไปได้ เพราะหลายฝ่ายเปิดเวทีเพื่อหารือถึงแนวทางปฏิรูป จึงอยากเห็นทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อหาแนวทางร่วมกัน
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2557 คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 3% ใกล้เคียงกับปีนี้ โดยภาคส่งออกน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยที่น่าห่วง คือ ความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน เนื่องจากแม้ว่าภาคการส่งออกจะขยายตัวได้ แต่หากธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ก็จะได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่ขยายตัวได้น้อย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ภาคธุรกิจก็ได้รับผลกระทบจากหลายๆ ด้าน เช่น การขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน รวมถึงภาวะการขาดแคลนแรงงาน
“หากภาคเอกชนแข่งขันไม่ได้ก็อาจมีผลให้เศรษฐกิจโตได้ยาก แม้ปัจจัยด้านการส่งออกจะฟื้นตัว แต่ถ้าเราขายของไม่ได้ ก็เท่ากับไม่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวดังกล่าว เศรษฐกิจก็ขาดแรงขับเคลื่อนไป”
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ก็จะมีผลทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ภาษีน้อยลง รัฐบาลใหม่ก็ต้องเผชิญปัญหาการขาดดุลการคลัง และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดควบคู่กัน แต่ยังไม่น่ากังวลหากรัฐบาลยังรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจไว้ที่ 3-4% ได้ เช่นเดียวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่เริ่มขยับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ธนาคารพาณิชย์เองก็ได้มีความระมัดระวังมาระยะหนึ่งแล้ว