“เอส พี วี ไอ” เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 0.90 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 11-13 ธ.ค. 2556
ได้ฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 19 ธ.ค. นี้ แต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายหุ้น “สมภพ กีระสุนทรพงษ์” มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม จากปัจจัยพื้นฐานที่ดี ตัวสินค้ามีคุณภาพ ผู้บริหารมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Apple มายาวนาน มีรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ลูกค้ามี Brand Loyalty สูง ช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายบนทำเลทอง พร้อมการบริหารสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพ ด้าน “ไตรสรณ์ วรญาณโกศล” เผยนำเงินเพิ่มทุนไปขยายสาขา และศูนย์บริการ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการขยายตัวในอนาคต
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอส พี วี ไอ (SPVI) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 0.90 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่า P/E ratio อยู่ที่ 14.02 เท่า โดยมีส่วนลดประมาณ 49.88% จาก P/E Ratio ของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ย้อนหลังเฉลี่ยในช่วงเวลาระยะเวลา 3 เดือน (1 ก.ย.- 30 พ.ย.2556) ซึ่งเท่ากับ 27.97 เท่า และมีส่วนลดประมาณ 61.78% จาก P/E Ratio เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับ SPVI ในช่วงเวลาระยะเวลาย้อนหลัง 3 เดือนเช่นเดียวกันซึ่งเท่ากับ 36.69 เท่า โดยกำหนดเปิดให้จองหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคมนี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ธันวาคม 2556 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SPVI” พร้อมกันนี้ ยังมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย
“SPVI ประกอบธุรกิจหลักเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เพื่อใช้งานร่วมกับสินค้า Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์สำหรับสินค้าภายใต้ผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม Smart Bar รวมทั้งเปิดศูนย์ฝึกอบรมตามมาตรฐาน Apple เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของ Apple ตัวสินค้ามีคุณภาพ มีลูกค้าที่มีความเป็น Brand Loyalty สูง มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย และอยู่ในทำเลที่เหมาะสม รวมถึงมีการบริหารจัดการด้านสินค้าคงคลังที่ดี ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น SPVI จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนด้วย” นายสมภพ กล่าวในที่สุด
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ (SPVI) เปิดเผยว่า จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายสาขาและศูนย์บริการ ใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยในปี 2557-2558 ตั้งเป้าจะเพิ่มจุดขายใน IT City 10 สาขา เพิ่ม iStudio/iBeat จำนวน 2 สาขา เพิ่ม U-Store จำนวน 2 สาขา และเพิ่มศูนย์บริการ Smart Bar 1 สาขา ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 55 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนในปรับปรุงพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท รวมทั้งเพื่อรองรับกลยุทธ์การตลาดที่จะทำผ่าน Social Network เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าใช้เงินลงทุน 15 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจุบัน “เอส พี วี ไอ” มีสาขาทั้งหมด จํานวน 17 สาขา โดยแบ่งได้เป็น iStudio จํานวน 6 สาขา iShop จํานวน 1 สาขา iBeat จํานวน 1 สาขา U-Store จํานวน 9 สาขา และศูนยบริการ Smart Bar จํานวน 3 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดจำหน่ายสินค้า Apple ใน IT City และ Big C จํานวน 54 แห่ง ทั่วประเทศ โดยตั้งอยู่ที่ IT City จํานวน 28 สาขา และที่ Big C จํานวน 26 สาขา
“มั่นใจว่าในอนาคต SPVI จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมาก เนื่องจากการมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัท มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ” นายไตรสรณ์ กล่าว
บมจ.เอส พี วี ไอ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 145 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 290 ล้านหุ้น หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 200 ล้านบาท จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปรวมจำนวนทั้งสิ้น 110 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 27.50 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 3 อันดับแรกของ SPVI คือ บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) ถือหุ้น 116 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 40% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 29% กลุ่มวรญาณโกศล ถือหุ้น 95 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 32.93% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 23.87% และกลุ่มอื่นๆ ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 27.07% และจะลดลงเป็น 19.63%