xs
xsm
sm
md
lg

พ.ย.ต่างชาติขายกว่า 4 หมื่นลบ. หุ้นผันผวนต่อเนื่องหวั่นวิกฤตการเมืองยืดเยื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยปิดตลาดบวก +11.68 จุด อยู่ที่ระดับ 1,371.13  จุด มูลค่าการซื้อขาย 27,496.37 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล
         
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (30 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,371.13 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +11.68 จุด หรือ +0.86% มูลค่าการซื้อขาย 27,496.37 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,371.34 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,352.65 จุด ภาพรวมดัชนีอาจปรับตัวลดลงรุนแรงสวนตลาดภูมิภาค จากบรรยากาศการชุมนุมทางการเมืองกดดันรัฐบาลเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ขาดความชัดเจน และ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท 
         
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 433 หลักทรัพย์ ลดลง 231 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 202 หลักทรัพย์
         
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 577.12 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 284.91 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปกลับซื้อสุทธิ 673.02 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,535.06 ล้านบาท
         
ทั้งนี้ สรุปยอดการซื้อขายสะสมในช่วงวันที่ 1-29 พฤศจิกายน พบว่า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิรวม 10,071.40 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิรวม 2,453.56 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิรวม -35,549.99 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิรวม -48,074.94 ล้านบาท
         
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.2556-30 พฤศจิกายน 2556 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิรวม -153,326.61 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิรวม 957.06 ล้านบาท  สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 91,232.03 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิรวม 91,232.03 ล้านบาท
         
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
         
1.BJCHI ปิดที่ 34.50 บาท ลดลง -3.75 บาท หรือ -9.80%%  มูลค่าการซื้อขาย 1,794,844 ลบ.
2.TRUE ปิดที่ 8.80 บาท ลดลง-0.10 บาท หรือ -1.12% มูลค่าการซื้อขาย 1,631,714 ลบ.
3.JAS ปิดที่ 7.85 บาท เพิ่มขึ้น +0.15 บาท หรือ +1.95% มูลค่าการซื้อขาย 1,577,099 ลบ.
4.KBABK ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 1,364,652 ลบ.
5.SCB ปิดที่ 157.00 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -0.32% มูลค่าการซื้อขาย 1,071,599 ลบ.

นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ายังเป็นสถานการณ์ที่ยากคาดเดา เนื่องจากต้องดูสถานการณ์ซื้อขายวันต่อวัน จากความวิตกกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ และยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่จะยุติปัญหาได้อย่างชัดเจนมากนัก ทำให้วอลุ่มการซื้อขายจากเดิมที่เคยอยู่ที่ประมาณวันละ 5-6 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 1-2.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งตราบใดที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่คลี่คลายคลายไปในทางที่ดี ดัชนี SET INDEX ก็จะยังคงแกวงตัวผันผวนรุนแรงอยู่อย่างนี้ต่อไป  

“อย่างไรก็ดี ความกังวลของนักลงทุนในขณะนี้คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะจบลงช้าหรือเร็ว ซึ่งถ้าหากความขัดแย้งยุติลงโดยเร็วไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ หากยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ภาพของวิสัยทัศน์ของผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ แนวโน้ม ทิศทางนโยบาย คือสิ่งที่นักลงทุนพิจารณาน้ำหนักการลงทุนมากที่สุด ซึ่งในส่วงนของตลาดหุ้นนั้นอาจไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักว่าใครจะเป็นรัฐบาล แต่จะให้ความสำคัญของนโยบายที่มีความชัดเจน และสามารถปฏิบัติได้จริงมากกว่า ซึ่งถ้าหากความขัดแย้งยุติลงเร็วจะเป็นผลบวกต่อการลงทุน แต่ถ้าหากยืดเยื้อยาวนานก็จะเป็นผลลบต่อบรรยากาศการลงทุน และสูญเสียความเชื่อมั่นการลงทุนในระยะยาว”

ขณะเดียวกัน การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งมีความเสียงน้อยกว่าการลงทุนในระยะสั้น จากสถานการณ์การเมืองที่เป็นปัจจัยลบเข้ามากระทบการลงทุน โดยทยอยซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กลุ่มอาหาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสื่อสาร กลุ่มขนส่ง ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีผลประกอบการดีในช่วงปลายปีจากนักท่องเที่ยว และกลุ่มธนาคารที่จะกลับมามีผลประกอบการ และมีกำไรที่โดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557

ทั้งนี้ กรอบการลงทุนในสับดาห์หน้า คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องต่อไปอีกโดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,350 จุด และมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,380 จุด ทั้งนี้ หากหลุดแนวรับที่ 1,350 จุดไปแล้ว จะมีแนวรับถัดไปที่เป็นนัยยะสำคัญคือ 1,320-1,310 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น