“กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง” เดินหน้าปั๊มรายได้ไตรมาสสุดท้ายโตต่อเนื่อง ทยอยรับรู้รายได้งานโซลาร์ทุกโครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,700 ล้านบาท “สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย” เผยอนาคตยังมีอีกหลายโครงการที่จะร่วมประมูล มั่นใจดันผลงานปีนี้โตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10%
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 4/2556 ของบริษัท และบริษัทย่อยว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2556 ที่มีผลกำไรสุทธิ 55.20 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จาก บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (ชัยภูมิ 1) จำกัด และ บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (นครราชสีมา) จำกัด ขนาด 12.5 MW จำนวน 2 โครงการ โดยบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ภายใต้โครงการดังกล่าวประมาณ 700 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานด้านการติดตั้งระบบไฟฟ้า รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ในการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับโรงผลิตปูนซีเมนต์ โรงที่ 4 จาก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) มูลค่า 367.27 ล้านบาท และงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) อีกมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท คิดเป็นงานในมือ (Backlog) สำหรับไตรมาส 4/2556 มูลค่ารวมประมาณ 1,700 ล้านบาท
“ไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ถือเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินงานของ GUNKUL จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเริ่มทยอยส่งมอบงานที่เลื่อนจากไตรมาส 3/2556 เข้ามาในไตรมาส 4/2556 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท อีกทั้งธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งใน และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตราว 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนคงทำได้สำเร็จ”
ปัจจุบัน GUNKUL มุ่งขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการเตรียมลงทุนเพิ่มในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง ขนาด 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2556 ด้านการลงทุนโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ (Gas Engine) ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศสาธารณรัฐสหภาพพม่า ขณะนี้บริษัทยังเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการเจรจาอัตราการรับซื้อไฟฟ้า คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกัน โดยบริษัทยังมีอีกหลายโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งรวมแล้ว GUNKUL เตรียมเข้าประมูลงานคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะประมูลงานได้ 30%