xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” ยอมรับ ศก. ถดถอย 4 โครงสร้างหลักไม่ทำงาน คาด “จีดีพี” โตไม่ถึง 3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
“สมคิด” ชี้ ศก.ไทยถดถอย คอร์รัปชันบั่นทอนรัฐบาล ถึงคราวไทยต้องปฎิรูปครั้งใหญ่ หากไม่ปรับโครงสร้างใหญ่ 4 ด้าน จีดีพีปีนี้โตไม่ถึง 3% ยอมรับโครงสร้างหลักไม่ทำงาน ทั้งการส่งออก การบริโภค การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ ย้ำหนทางยังมืดแปดด้านไม่เห็นแสงสว่างให้เศรษฐกิจฟื้นตัว แนะทุกฝ่ายหันหน้าหาทางออกร่วมกัน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกรคลัง กล่าวในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 31 ที่จังหวัดตรัง โดยระบุว่า เศรษฐกิจของไทยกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งหากไม่มีการเร่งปรับโครงสร้างทั้ง 4 ด้าน คือ การส่งออก การบริโภค การลงทุน และการใช้จ่ายของภาครัฐ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 3 อย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่หากมองถึงปีหน้า เมื่อประเมินจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ตัวแปรเดียวของไทยที่จะฟื้นตัวตามคือ การส่งออกเท่านั้น ส่วนอีก 3 ด้านที่เหลือยังมองไม่เห็นมาตรการที่มารองรับว่าจะทำให้ฟื้นตัวได้อย่างไร จึงอาจส่งผลให้เศรษฐกิจปีหน้าฟื้นตัวช้า และมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำ รวมไปถึงอาจเกิดความผันผวนทั้งตลาดเงิน และตลาดทุน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงมีความกังวลที่จะลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่ไม่มีความแน่นอนโดยเฉพาะจากสถานการณ์บ้านเมือง จึงอยากแนะนำให้นักธุรกิจปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ภายในสภาวะดังกล่าว เพราะการหวังที่จะให้ภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงนี้คงทำได้ลำบาก จึงอยากให้เอกชนเป็นผู้ประสานงานงานร่วมกับรัฐ และเอกชนเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ยอมรับว่า มีความเป็นห่วง เนื่องจากการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งกลไกรัฐเป็นตัวขับเคลื่อนหลักและผลักดันให้ประเทศแข่งขันได้ ขณะเดียวกัน ยังเป็นตัวกำหนดนโยบาย รวมทั้งการกระจายความเท่าเทียม แต่ขณะนี้มองว่ากลไกรัฐเป็นอุปสรรค เนื่องจากภาครัฐมุ่งแก้ปัญหาด้านการเมืองเกิดความไม่เชื่อใจของประชาชน ทั้งนโยบายประชานิยม การคอรัปชันที่ขยายตัวสูงซึ่งเป็นตัวบั่นทอนความไว้ใจของรัฐบาล และนอกจากนี้ จากความผิดพลาดของรัฐบาลบางเรื่องส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความไม่เชื่อใจ จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไข

นอกจากนี้ ภาพความขัดแย้งของสภานิติบัญญัติกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย และอาจนำไปสู่ความรุนแรง โดยเห็นว่ารัฐบาลควรมีความระมัดระวังต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้นำควรมีความเสียสละ อดทน หันหน้าพูดคุยกัน ขณะที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมควรดูแลกลุ่มผู้ชุมให้อยู่ในความสงบ ไม่ให้เกิดความสูญเสีย

อย่างไรก็ดี การชุมนุมนั้นถือเป็นเรื่องของสิทธิที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถทำได้ ในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุมก็ควรดูแลประชาชนที่เข้าร่วมอย่างเต็มที่อย่าให้เกิดกระทบกระทั่ง และไม่ให้ความสูญเสีย เนื่องจากผู้ชุมนุมจำนวนมากมาด้วยความบริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนสีไหน กลุ่มใดก็ตาม เพราะหากสูญเสียจะเป็นเรื่องใหญ่ท่ามกลางสถานการณ์ของกลไกรัฐอยู่ในภาวะที่สูญเสีย และภาพความขัดแย้งของสภานิติบัญญัติกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทางสภานิติบัญญัติที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่รุนแรงมากในเรื่องของภาพลักษณ์ในสายตาของโลก ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย และอาจนำไปสู่ความรุนแรง

ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงมีความกังวลที่จะลงทุนในประเทศไทยเพราะไทยเป็นประเทศที่ไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะจากสถานการณ์บ้านเมือง ฉะนั้นนักธุรกิจจึงควรปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ภายในสภาวะดังกล่าว การหวังให้ภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงนี้คงทำได้ลำบาก เอกชนจะต้องเป็นผู้ประสานงานร่วมกับรัฐ และเอกชนเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ดังนั้น จึงเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ เพื่อให้ไทยพัฒนาต่อไป

“รัฐบาลควรมีความระมัดระวังต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้นำควรมีความเสียสละ อดทน หันหน้าพูดคุยกัน ขณะที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมควรดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบ ไม่ให้เกิดความสูญเสีย และตอนนี้ก็เกิดคำว่า don’t Thai with me อย่ามาทำเป็นไทยกับฉัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับศักดิ์ศรีของไทย” ดร.สมคิดกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น