หุ้นไทยส่งท้ายสัปดาห์ปิดลบ 16.79 จุด สวนทางตลาดเพื่อบ้าน นักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยงทางการเมือง และต้องการดูสถานการณ์ในช่วงวันหยุด ชี้แรงขายของต่างชาติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ศก.ไทยที่อ่อนแอลง ผลดำเนินงาน บจ. งวด Q3 ต่ำกว่าที่ตลาดได้คาดเอาไว้มาก ทำให้มีการปรับลดประมาณการกำไรระลอกใหญ่ ถือเป็นปัจจัยในการเทขาย
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,359.07 จุด ลดลง 16.79 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.22% มูลค่าการซื้อขาย 34,675.48 ล้านบาท โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2.4 พันล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 6.9 พันล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 3.4 พันล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1.1 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงสวนทางตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่เป็นบวกในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะปัจจัยการเมือง ซึ่งนักลงทุนยังรอการชุมชนครั้งใหญ่ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ จึงเลือกที่จะขายหุ้นออกมาก่อนเพื่อลดความเสี่ยง และเพื่อรอดูสถานการณ์
นอกจากนี้ แรงขายของต่างชาติที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอลง ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 3 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดได้คาดเอาไว้มาก จึงทำให้มีการปรับลดประมาณการกำไรระลอกใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้แรงขายเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าแรงขายของต่างชาติไม่น่าจะมีมากกว่านี้นัก เพราะนับตั้งแต่ที่ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่กลางปี 2553 ถึงปัจจุบันที่ซื้อสุทธิ 3.2แสนล้าน และได้ขายไปจนเหลือซื้อสุทธิเพียง 1.4 แสนล้านบาทเท่านั้นแล้ว โดยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,340 จุด หรือในระดับ พี/อี ที่ 14.5 เท่า
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง และอ่อนกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยตลาดอาเซียนส่วนใหญ่ลบเล็กน้อย แต่เอเชียเหนืออยู่ในแดนบวก ทั้งนี้ เป็นผลจากความกังวลในสถานการณ์การเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะสถานการณ์การชุมนุมฯ ช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ โบรกเกอร์ต่างชาติยังได้ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยลงด้วย อันเป็นผลจากการมองเศรษฐกิจไทยที่อาจไม่ดีนัก เนื่องมาจากการเมือง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติได้ขายลดพอร์ต ด้านปัจจัยจากนอกประเทศเวลานี้ คงมีความเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวในเรื่องการลดขนาดมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี) ของสหรัฐฯ
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายจักรกริช กล่าวว่า ในช่วงสุดสัปดาห์หากการชุมนุมทางการเมืองไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ตลาดฯ ก็มีโอกาสที่จะรีบาวนด์ขึ้นได้ แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรงตลาดฯ ก็จะปรับตัวลงอย่างเดียว พร้อมให้แนวรับ 1,352-1,314 จุด แนวต้าน 1,385 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TRUE ปิดที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,314.85 ล้านบาท
2.INTUCH ปิดที่ 75.50 บาท ลดลง -1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,051.27 ล้านบาท
3.JAS ปิดที่ 7.50 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,776.79 ล้านบาท
4.KBANK ปิดที่ 171.00 บาท ลดลง -2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,716.61 ล้านบาท
5.PTT ปิดที่ 297.00 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,671.63 ล้านบาท