หุ้นปิดครึ่งวันเช้าร่วงต่ออีก 10 จุดสวนทางตลาดหุ้นเอเชีย นักวิเคราะห์ชี้นักลงทุนกังวลปัจจัยการเมืองเป็นหลัก สะท้อนจากแรงขายต่อเนื่องของต่างชาติ และนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ผลประกอบการ Q3/56 ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้ต้องปรับประมาณการใหม่
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 พ.ย.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,365.74 จุด ลดลง 10.12 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 15,124.64 ล้านบาท สวงทางตลาดในย่านเอเชีย โดยภาพรวมเช้านี้ดัชนีเจอแรงเทขายร่วงไปกว่า 13 จุด หลังเปิดตลาด โดยมีการขายหนักในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ และมีแรงซื้อที่คาดว่าเป็นเม็ดเงินใหม่จาก RMF และ LTF เข้ามาพยุง ส่งผลให้ดัชนีไม่ปรับลงแรง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงต่อเนื่องอีกกว่า 10 จุด สวนทางตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ซึ่งมองว่าเป็นผลจากความกังวลเรื่องของการเมืองเป็นหลัก ซึ่งยังต้องติดตามดูเหตุการณ์ชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าแรงขายที่ออกมามากจะเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนในประเทศ ซึ่งทำให้เห็นว่าความกังวลยังอยู่ระดับสูง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ประกาศออกมางวดไตรมาส 3/56 ต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้ต้องมีการ review ประมาณการตาม ดังนั้น ค่า P/E ของตลาดจึงขึ้นมาเป็น 15 เท่า จึงกดดันตลาดฯ ให้ปรับตัวลงด้วย โดยให้แนวรับวันนี้ที่ 1,350 จุด แนวต้าน 1,380 จุด
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ มองว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่อาจวุ่นวายเพิ่มขึ้น โดยกังวลว่าจะทำให้ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทมีปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติก็ยังคงไหลออกหลังภาพการเมือง และเศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับ Sentiment ตลาดช่วงนี้ไม่ค่อยดี หลังลงมาทำ New Low ในรอบเกือบ 3 เดือน หลุดระดับ 1,380 จุดไป
ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เป็นบวก โดยเฉพาะตลาดเอเชียเหนือ อย่างญี่ปุ่น, เกาหลี และไต้หวัน บวกขึ้นมาได้ค่อนข้างดี ส่วนตลาดในกลุ่ม TIP ปรับตัวลงกันหมด ซึ่งตลาดไทยลงมากกว่าตลาดอื่นในกลุ่ม TIP เนื่องจากการเมืองกดดัน
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายเป็นไปได้สูงที่จะยังอยู่ในแดนลบ แต่อาจจะลดช่วงลบลงได้บ้าง โดยคาดหวังว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรหลังราคาหุ้นลงมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ อาจมีเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF เข้ามาซื้อบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380-1,385 จุด
