ผู้ว่าการ ธปท. มอง “นักลงทุน” เข้าใจการเมืองไทย ไม่ห่วงการชุมนุมในครั้งนี้เพราะถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ชี้กลุ่มที่เคยให้การสนับสนุนรัฐออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อนหน้านี้ได้มีการคัดค้าน โดยการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ถือเป็นจุดแข็งที่นักลงทุนชาวต่างชาติมองเห็น และไม่น่ากังวล แต่ไม่ประมาท พร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวค่อยเป็นค่อยไป
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มองว่ากำลังมีความร้อนแรงขึ้น หลังสภาฯ ผ่านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ในวาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งอาจเป็นการท้าทายฝ่ายที่คัดค้าน และมีการชุมนุมใหญ่นั้น ตนเองมองว่า นักลงทุนชาวต่างชาติมีความเข้าใจ และไม่ได้มองปัญหาการเมืองไทยแค่เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ในระยะยาวนักลงทุนได้พิจารณาการลงทุนจากปัจจัยหลายด้านประกอบกัน โดยเห็นว่าการชุมนุมในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย จากกลุ่มที่เคยให้การสนับสนุนรัฐบาลในการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ได้มีการคัดค้านในการดำเนินการครั้งนี้ โดยการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างถือเป็นจุดแข็งที่นักลงทุนชาวต่างชาติมองเห็น และไม่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม ธปท. ไม่ได้ประมาท และคงยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป และยืนยันมีเครื่องมือที่มีความพร้อมในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบระยะสั้นจากการชุมนุมที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายของภาครัฐต่อไปในการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า มีการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทาง ธปท. มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวนั้นสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาทรงตัว และไม่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ธปท. จะจับตาดูการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวในขณะนี้มากขึ้นหรือไม่ ด้วยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตก็คือ การลงทุนของภาครัฐภายใต้งบประมาณ ปี 2557 ที่ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แม้งบประมาณปี 2556 ที่ผ่านมา จะเบิกจ่ายล่าช้า และไม่ได้ตามเป้าก็ตาม โดยมองว่าจีดีพีของไทยในปีหน้าน่าจะเติบโตได้มากกว่าร้อยละ 4 ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสม และมีเสถียรภาพเกี่ยวกับเศรษฐกิจภายในปัจจุบัน