บี.เอฟ.เอ็ม. จับมือเยอรมนี รุกขยายตลาดแผงป้องกันน้ำท่วมสำเร็จรูป “IBS” ชูจุดขายสกัดน้ำท่วมบ้าน-โรงงาน ได้ 100% ในระดับความสูงถึง 6 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 2 ชั้น เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าบ้าน สำนักงาน โรงงาน และสาธารณูปโภครัฐ ปี 57 ตั้งเป้ายอดขายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
นายกศิปัญญ์ ศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.เอฟ.เอ็ม. จำกัด ผู้จัดจำหน่ายวัสดุหุ้ม และตกแต่งอาคารคุณภาพสูง แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิท ไส้กลางกันไฟ อัลพอลลิค เอฟ อาร์ เปิดเผยว่า ในช่วงเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ได้ค้นหาวัสดุที่จะนำมาป้องกันน้ำท่วมโกงดังสินค้า และบ้าน ทำให้ได้เจอแผงป้องกันน้ำท่วมสำเร็จรูป IBS (IBS Flood Barrier System) จากประเทศเยอรมนี ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากโครงการที่เป็นความร่วมมือของรัฐบาลเยอรมนี และออสเตรียในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระดับสูงจากแม่น้ำดานูป ซึ่งประสบปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี ทำให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจขนส่งได้ตามปกติ รวมถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทฯ จึงได้ร่วมกับ IBS ในการเป็นตัวแทนจัดหน่ายในประเทศไทย
IBS เป็นเสมือนเขื่อนกันน้ำท่วม ผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูงมาตรฐานยุโรปเกรด EN AW 6063 มีความแข็งแรง และทนทาน สามารถกันน้ำได้ถึง 100% จึงรับแรงดัน และแรงกระแทกของน้ำในระดับสูงถึง 6 เมตร หรือเทียบเท่ากับความสูงของตึก 2 ชั้นได้อย่างปลอดภัย ใช้ยางซีลกันน้ำคุณภาพสูงชนิด EPDM ถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ใช้กาว ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และใช้แรงงานคนน้อยกว่าการใช้กระสอบทราย หรือบิ๊กแบ็กแบบเดิม เมื่อไม่ใช้งานก็สามารถถอดออก และจัดเก็บได้ง่ายอย่างเป็นระบบ ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ และง่ายต่อการนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน
แผงป้องกันน้ำท่วมสำเร็จรูป IBS มี 2 รูปแบบคือ 1.แผงอะลูมิเนียมสำเร็จรูปกั้นน้ำที่จะไหลบ่าเข้ามาจากด้านบน (แบบไม่มีฐานราก) ราคา 40,000 บาท/ตร.ม. สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ 1.5 เมตร 2.ระบบเสาโครงสร้าง และฐานรากที่ป้องกันน้ำซึมจากใต้ดิน สามารถป้องกันน้ำท่วมได้สูงสุด 6 เมตร ราคาประมาณ 50,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ติดตั้ง ค่าฐานรากประมาณ 10,000-20,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับพื้นดิน
“IBS เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยครั้งแรก โดยติดตั้งให้แก่รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เมื่อเกือบ 10 ปี นับจากก่อสร้างเสร็จ กระทั่งเหตุน้ำท่วมในปี 54 MRT ให้นำแผง IBS ออกมาใช้ ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ และสามารถป้องกันน้ำท่วมได้”
นายกศิปัญญ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการอาคาร โรงงาน และเจ้าของบ้านพักอาศัยนำระบบ IBS ไปติดตั้งเพื่อป้องกันน้ำท่วมคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในปี 2557 เพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท โดยขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปยังผู้ประกอบการภาคเอกชน และรัฐบาลในสัดส่วน 50 : 50 โดยในภาคเอกชน จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงาน และนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนภาครัฐจะมุ่งเน้นไปที่โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบิน โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า และเขตเศรษฐกิจในเมืองสำคัญ ขณะนี้บริษัทฯ กำลังเจรจากับเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายราย รวมถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐที่กำลังจัดสรรงบประมาณลงทุน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการระบบน้ำและมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบัน บริษัท บี.เอฟ.เอ็ม. จำกัด เป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ของวัสดุตกแต่งอาคารแผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทไส้กลางกันไฟ “อัลพอลลิค เอฟ อาร์” จากประเทศญี่ปุ่น มีผลงานในโครงการใหญ่ทั้งภาครัฐ และเอกชน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค ชาเลนเจอร์ The Met คอนโดมิเนียม โรงแรมโนโวเทล อิมแพค โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำตลาด “กรีนโปรดักต์” ด้านวัสดุตกแต่งอาคารคุณภาพสูง โดยเป็นตัวแทนนำเข้าแต่เพียงผู้เดียวในไทย ของผลิตภัณฑ์เกล็ดอะลูมิเนียมระบายอากาศกันน้ำได้ 100% และวัสดุแผงกันแดดอัจฉริยะสำหรับอาคาร ภายใต้ชื่อ “โคลท์” (COLT) จากประเทศอังกฤษ
รวมทั้งวัสดุฝ้าเพดานสำเร็จรูป อันดับ 1 ของโลก ยี่ห้อ “อาร์มสตรอง” (Armstrong) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 150 ปี ได้รับความไว้วางใจ และเลือกใช้ในโครงการที่มีชื่อเสียงมากมายโดยผู้ออกแบบระดับโลก เช่น สนามบินนานาชาติดูไบ สนามบินนานาชาติ KL และสนามบินนานาชาติฮ่องกง ฯลฯ