เจ้าสัว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” มหาเศรษฐีไทย เจ้าของไทยเบฟฯ เตรียมลดสัดส่วนถือหุ้น “เอฟแอนด์เอ็น” จากเดิม 90.3% ลงเหลือ 87-88% หวังเพิ่มหุ้นหมุนเวียนในตลาดฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่รายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าววงใน ระบุว่า นายเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีไทย เจ้าของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ มีแผนลดการถือหุ้นข้างมากใน “เฟรเซอร์แอนด์นีฟ” หรือ “เอฟแอนด์เอ็น” ที่เพิ่งไปซื้อกิจการมา ทั้งยังเตรียมแตกกิจการ ก่อนจะนำบริษัทที่แตกออกมาใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยนายเจริญ ตั้งใจที่จะลดหุ้นที่ถืออยู่ในเอฟแอนด์เอ็น ลงมาอยู่ที่ราว 87-88% จากปัจจุบันถืออยู่ 90.3%
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า หุ้นที่ถูกเสนอขายครั้งนี้จะทำให้เอฟแอนด์เอ็นมีหุ้นหมุนเวียนตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดสิงคโปร์ โดยนายเจริญ ยังมีแผนที่จะแตกกิจการธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ คือ “เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์” หรือ “เอฟซีแอล” และนำเข้าจดทะเบียนในปีนี้ ซึ่งขณะนี้สามารถหาผู้ที่จะมาซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวได้แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เอฟแอนด์เอ็น เคยแถลงว่ามีแผนที่จะแยกจดทะเบียนเอฟซีแอลในตลาดสิงคโปร์ โดยไม่มีการเพิ่มทุนใหม่ และให้หุ้นของเอฟซีแอล 2 หุ้นต่อหุ้นเอฟแอนด์เอ็น 1 หุ้น สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้เอฟแอนด์เอ็นมีคุณสมบัติตามกฎข้อบังคับของตลาดสิงคโปร์ ที่ให้บริษัทจดทะเบียน ต้องมีหุ้นซื้อขายหมุนเวียนในตลาดอย่างน้อย 10% ซึ่งแต่เดิมนั้น เอฟแอนด์เอ็น มีเวลาถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎดังกล่าว แต่ตลาดสิงคโปร์ได้อนุมัติขยายเส้นตายออกไปจนถึงเดือนเมษายน และกรกฎาคมปีหน้า
นอกจากนี้ การที่นายเจริญ เข้าซื้อกิจการของ เอฟแอนด์เอ็น ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอายุเก่าแก่กว่า 130 ปีแห่งนี้ ซึ่งดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเครื่องดื่ม ด้วยการเสนอราคาสูงกว่าครอบครัวมหาเศรษฐีอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของเอเชียในปีนี้