ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้า (18 ต.ค.) ปรับตัวบวกขึ้น 11.13 จุด อยู่ที่ระดับ 1,480.22 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 16,961.55 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลักได้แก่ SCB KTB และ KBANK ซึ่งหลายธนาคารได้ประการผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ในระดับที่ดีกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าจะตกอยู่ในสถานะความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโดยรวมจากโครงสร้างหนี้สาธารณะที่ปรับตัวสูงขึ้น และการผิดนัดชำระหนี้ หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ค่อนข้างสูง
นักวิเคราะห์จาก บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวผันผวนของดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ แม้จะมีสัญญาณบวกจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังความชัดเจนของประเด็นการขยายเพดานหนี้ในระยะสั้น ส่งผลให้ตลาดลดความร้อนแรงลง ท่ามกลางความผันผวนระหว่างวันจากการรายงานตัวเลข GDP ของจีนในวันนี้ และประเด็นการลดขนาด QE ที่กลับมาเรียกร้องความสนใจอีกครั้ง สร้างฐานปรับตัวที่สูงขึ้นของดัชนีจะเริ่มมีจำกัดมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบาย
อย่างไรก็ตาม จากความผันผวนของแรงขายทำกำไร หลังสภาคองเกรสสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบให้มีการเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้ง และขยายเพดานหนี้ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม และปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ อาจทำให้สภาวะตลาดในช่วงดังกล่าวผันผวนต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มประกาศผลประกอบการออกมาในไตรมาสที่ 3 ออกมาดี เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคาร