ธนชาตวาดแผนสินเชื่อรวมปีหน้าโต 8-10% เน้นกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้สมดุลมากขึ้น เข้มสินเชื่ออสังหาฯ ลดเอ็นพีแอลให้ต่ำกว่า 4% เร่งอัดฉีดสินเชื่อรถแลกเงินชดเชยรถมือสองวูบ ชี้ปัจจัยเสี่ยงความผันผวนจากเศรษฐกิจต่างประเทศ
นายสมเจตต์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)เปิดเผยว่า ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับ 8-10% ภายใต้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% โดยปัจจัยที่ยังต้องระมัดระวังเป็นเรื่องของความผันผวนในต่างประเทศ ซึ่งจะส่งออกกระทบเงินทุนไหลเข้า-ออกของประเทศต่างๆ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะเป็นไปตามแนวทางการเสริมฐานให้มั่นคง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นไปในทุกๆ กลุ่มกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ เอสเอ็มอี หรือรายย่อย และในทุกๆ ธุรกิจใช้กลยุทธ์มุ่งพัฒนาทางด้านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้สามารถตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง และเน้นการบริการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการอนุมัติสินเชื่อซึ่งเป็นส่วนที่มีการแข่งขันกันมากในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
“เราเป็นแบงก์ คงจะเลือกไม่ได้ว่าจะปล่อยกู้ให้ธุรกิจนี้ หรือไม่ให้ธุรกิจนี้เลย เราก็ต้องทำทุกกลุ่ม แต่ต้องรู้ว่ากลุ่มไหนที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง อย่างตอนนี้ก็มีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องสกรีนมากหน่อย ก็ต้องพิจารณาประสบการณ์ ผลงานที่ผ่านมาของผู้ประกอบการ เพื่อจะได้ดูถึงความเป็นไปได้ความสำเร็จของโครงการ เป็นต้น ก็ต้องดูกันเป็นรายกลุ่ม รายลูกค้าไป”
ด้านธุรกิจเงินฝาก ธนาคารจะมุ่งแสวงหาลูกค้าเงินฝากรายใหม่ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในการระดมเงินฝากที่มีต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมทั้งการปรับฐานโครงสร้างเงินฝากด้วยการเพิ่มสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวัน และออมทรัพย์ให้มากขึ้น โดยจะมีการทำการตลาดเงินฝากประเภทนี้อย่างสม่ำเสมอตลอดปี
เร่งปล่อย “รถแลกเงิน” แทนรถมือสอง
ส่วนผลการทำธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยเฉพาะการขยายตัวของสินเชื่อที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10% รวมถึงผลกำไรในระดับประมาณ 2,300-2,400 ล้านบาทต่อปี มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 12-15% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ 4.45% ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากควบรวมกับธนาคารหลวงไทยที่ในช่วงดังกล่าวอยู่ในระดับ 6% กว่า และในปีหน้าคาดว่าจะบริหารจัดการให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ได้ โดยปกติเอ็นพีแอลของธนาคารจะลดลงประมาณ 0.75%
ด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรกนั้น ในส่วนของธนาคารธนชาต สินเชื่อดังกล่าวลดลง 30-40% จากภาวะตลาดโดยรวมที่ลดลง 50% ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารได้หันไปเน้นที่สินเชื่อรถแลกเงินมาทดแทนรายได้ในส่วนดังกล่าว ขณะที่หนี้จากโครงการรถคันแรกนั้นถือว่ามีน้อยมาก อาจจะน้อยกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปกติ เนื่องจากธนาคารปล่อยสินเชื่อดังกล่าวด้วยหลักเกณฑ์เดิม ไม่ได้ผ่อนคลายแต่อย่างใด
“ภายใต้กลยุทธ์ Strengthening for Growth” ธนาคารจะดำเนินธุรกิจด้วยการเพิ่มการกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ โดยจะขยายสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อ SME สินเชื่อเคหะ ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม พร้อมทั้งกระจายสัดส่วนสินเชื่อบุคคลให้มากขึ้นด้วย โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ให้ผลตอบแทนสูง เช่น บัตรเครดิต ตลอดจนสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ นอกจากนี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเช่าซื้อรถต่อไป รวมทั้งจะเร่งขยายสินเชื่อรถแลกเงินเพื่อเพิ่มผลตอบแทนรวมให้สูงขึ้นด้วย ด้านเงินฝากก็จะเติบโตในระดับที่สอดคล้องกับสินเชื่อ”
