ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เซ็นสัญญา APM เตรียมเข้าตลาด mai ต้นปีหน้า คาดมาร์จิ้นจากตู้เติมเงิน “บุญเติม” สูง พร้อมเล็งแตกไลน์ธุรกิจ one stop service เพิ่มในอนาคต ทั้งจ่ายค่าบิล และตู้น้ำหยอดเหรียญ
นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น หรือ FORTH กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ก่อตั้งบริษัทลูกขึ้น คือ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส หรือ FORTHS ดำเนินธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบออนไลน์ ในชื่อแบรนด์ “บุญเติม” โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 400.00 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งเป้นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ รวม 200 ล้านหุ้น ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อระดมทุนในการขยายกิจการตู้เติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยตั้งเป้าทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นตู้ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นตู้ภายในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของการเข้าระดมทุนขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO ในครั้งนี้ จำนวน 104 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำนวนไม่เกิน 96 ล้านหุ้น ซึ่ง บมจ.ฟอร์ท จะเป้นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 61% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัท โดยการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส มีรายได้รวมเท่ากับ 366.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 40.17 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีตู้เติมเงินบุญเติมทั่วประเทศกว่า 27,889 ตู้ ทั้งของบริษัทฯ เอง และในส่วนของแฟรนไชส์
ในส่วนของ บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น หรือ FORTH นั้นคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 5.9 พันล้านบาท เนื่องจากในปีนี้รายได้หลักจากธุรกิจผลิตฮาร์ดดิสก์จากบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล หรือ WD มีปริมาณที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์อุทกภัยในปี 2554 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มั่นใจว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 93 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 147 ล้านบาทแล้ว สาเหตุที่กำไรสุทธิเติบโตดีขึ้นสวนทางกับรายได้นั้น มาจากบริษัทฯ ได้รับงานที่มีอัตรากำไรสูง จากเดิมที่รายได้หลักอยู่กับธุรกิจฮาร์ดดิสก์ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 3% แต่ในปีนี้บริษัทฯ มีการรับงานด้านเทเลคอมจากภาครัฐ และรับงานจาก กทม.ในการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ของระบบจราจรอัจฉริยะ และระบบไฟนับสัญญาณ ซึ่งงานเหล่านี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงระดับ 10-20% โดยมีมูลค่างานทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 1,300 ล้านบาท และยังมีโครงการย่อยอีกหลายโครงการเฉลี่ยโครงการละประมาณ 10-20 ล้านบาท
“อย่างไรก็ดี จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 มีอัตราคงที่ใกล้เคียงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากไตรมาสดังกล่าวมีงานที่เลื่อนประมูลออกไป แต่ยังมีการรับรู้รายได้ในส่วนของการติดตั้ง CCTV ของ กทม. ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 บริษัทฯเตรียมยื่นประมูลงานใหม่อีก 2 งานคือ ติดตั้งระบบ wi-fi ของ บมจ.ทีโอที เฟส 2 มูลค่า 950 ล้านบาท และงานติดตั้งระบบ wi-fi ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. มูลค่างานประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 งานดังกล่าวเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมที่คาดจะเปิดให้ประมูลในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีความคาดหวังว่าจะได้รับงานดังกล่าวทั้งหมด”
ขณะที่ความคืบหน้าในการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจตู้เติมเงินนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้พาร์ตเนอร์เข้ามาพูดคุยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา และเจรจากันในรายละเอียด โดยจะเป็นลักษณะการร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย คาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ มูลค่าการลงทุนดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 ล้านบาท ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากบริษัทฯ ได้มองเห็นโอกาสที่สำคัญในการรุกตลาดตู้เติมเงิน จากขนาดของอุตสาหกรรมการเติมเงินในประเทศอินโดนีเซียใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า ขณะที่ผู้ประกอบการในด้านนี้ยังมีอยู่ไม่มากนัก โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรในสัดส่วน 40% ซึ่งมีตู้เติมเงินกว่า 2,500 ตู้
ทั้งนี้ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส FORTHS ได้เตรียมยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ในปลายเดือนตุลาคมนี้ และคาดว่าจะขายหุ้น และเข้าเทรดในตลาดหุ้น mai ได้ทันภายในเดือนมกราคมปีหน้า ขณะที่บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อขยายตู้เติมเงินบุญเติมให้ได้ถึง 40,000 ตู้ นอกจากนี้ ยังจะมีการเตรียมที่จะขยายธุรกิจตู้ให้อยู่ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตู้ชำระบิลต่างๆ และตู้น้ำเติมเงิน ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 2 ปีหน้าจะสามารถเปิดบริการใหม่ๆ ได้ทัน