แนะรัฐออกบอนด์ขาย ปชช. นำเงินไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แทนการล้วงทุนสำรองฯ

“กนง.” เชื่อมั่นสหรัฐฯ ก้าวผ่านปัญหาเพดานหนี้ 17 ต.ค.นี้ การต่อรอง 2 พรรคการเมืองใหญ่จะได้ข้อสรุป แต่ปัญหาคงไม่จบได้โดยง่าย เพราะในอนาคตจะต้องขยายเพดานหนี้เพิ่มขึ้นอีก เพื่อรองรับงบประมาณที่เกินตัว และเพิ่มสูงขึ้นจากรายจ่ายด้านสวัสดิการเพื่อดูแลประชาชนมากขึ้น แนะรัฐออกบอนด์ขาย ปชช. นำเงินไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แทนการล้วงทุนสำรอง 1.9 แสนล้านดอลล์

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี และกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. กล่าวว่า ในขณะนี้ ประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียนควรดำเนินนโยบายการเงินให้มีความรองรับต่อความผันผวนของกลุ่มเงินทุนเคลื่อนย้ายที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่จะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ของทางสหรัฐฯ ซึ่งในวันที่ 17 ตุลาคม 2556 นี้ จะมีการต่อรองของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ จนเกิดการได้ข้อสรุป ซึ่งเชื่อว่าสหรัฐฯ จะสามารถขยายเพดานหนี้ได้ชั่วคราวเท่านั้น และในอนาคตจะต้องขยายเพดานหนี้เพิ่มขึ้นอีก เพื่อรองรับงบประมาณที่เกินตัว และเพิ่มสูงขึ้นจากรายจ่ายด้านสวัสดิการเพื่อดูแลประชาชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในส่วนของประเทศไทยที่มีเงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูงถึง 190,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น จะสามารถรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ เพราะหนี้ระยะสั้นของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 30 ของ GDP ขณะที่การจัดตั้งกองทุนในการนำทุนสำรองมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐานนั้น มองว่า รัฐบาลควรออกพันธบัตรจัดจำหน่ายให้กับประชาชน และนำเงินไปลงทุนมากกว่าการจัดตั้งกองทุน