“กฤษดามหานคร” ปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมดดึง “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” นั่งแท่นประธานกรรมการ ควบ CEO เตรียมปรับแบรนด์เป็น “เอคิว เอสเตท” ชี้บริษัทมีศักยภาพเติบโตได้อย่างโดดเด่น เพราะแข็งแกร่งทุกด้าน ทั้งฐานทุน และเงินสดหมุนเวียนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ ตั้งเป้าภายใน 3 ปีขึ้นแท่นติด TOP 10 ผู้ประกอบการอสังหาฯ แถวหน้าของไทย โค้งสุดท้ายเตรียมผุดอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.46 พัน ลบ.
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เข้ามาบริหารงานที่ KMC อย่างเต็มตัว พบว่า เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างโดดเด่น และมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ KMC เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ทำให้ได้ทีมงานมีความเชี่ยวชาญเพราะมีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน และงานพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพสูง
“การรวมตัวด้านการบริหารระหว่างทีมงานของ กฤษดามหานคร และอควาเรียส เอสเตท ทำให้บริษัทมีความเข็มแข็งยิ่งกว่าเดิม เพราะเป็นการรวมกันที่ลงตัวเติมเต็มจุดแข็งที่ต่างกัน ทำให้ผมมั่นใจว่าต่อจากนี้ทุกท่านจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากเดิม และทุกก้าวที่เราเดินไปเป็นการก้าวอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง เนื่องจาก KMC มีความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน หลังจากมีการเพิ่มทุนเมื่อเดือนเมษายน 2556 ที่ผ่านมา มีฐานลูกค้าเก่าที่ดี และมีจำนวนมาก สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง แล้วตอนนี้ก็มีทีมงานของ อควาเรียส เอสเตท เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแนวรุก”
อย่างไรก็ดี ในอนาคตจะเปลี่ยนชื่อบริษัทและแบรนด์ใหม่เป็น “เอคิว เอสเตท (AQ Estate)” โดยชื่อใหม่จะนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2557 เพื่อสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น และเกิดการรับรู้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปหมดแล้วทั้งกลุ่มผู้บริหารเป็นชุดใหม่ทั้งหมด ส่วนกลุ่มผู้ถือหุ้นก็ไม่มีกลุ่มเดิมเหลืออยู่แล้ว โดยทีมงานในปัจจุบันตอนนี้เป็นทีมบริหารงานมืออาชีพโปร่งใส พร้อมจะผลักดันบริษัทฯ ให้ก้าวไปข้างหน้า ขอให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนมั่นใจได้
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ต้องการที่จะทำสินค้าที่เป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดฯ ที่เน้นดีไซน์ที่สวยเรียบนิ่งอยู่ได้นาน และตั้งอยู่บนหลักการของการใช้งานจริงของผู้อยู่อาศัย เสนอฟังชันใหม่ๆให้ที่ใช้ได้จริงเหมาะกับความต้องการพื้นฐาน และไลฟ์สไตล์ที่ต่างไปจากเดิม ของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวจะทำเพื่อดึงดูดผู้อยู่อาศัยแล้ว “เอคิว เอสเตท (AQ Estate)” ก็ต้องการจะทำสินค้านั้นที่ถูกใจเหล่านักลงทุนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะสั้น หรือยาว ทั้งนี้ปัจจุบัน KMC มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก โดยมี Cash on hand และ Asset ประมาณ 4,000 ล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำกว่า 0.25 เท่า มีฐานลูกค้าเดิมมากกว่า 2,000 ราย
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นในกระดานก็ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) ซึ่งสิ้นสุดไตรมาส 2/2556 อยู่ที่ 0.7 บาทต่อหุ้น ฉะนั้นเมื่อ KMC และอควาเรียส มารวมกันจะก่อให้เกิด Synergy เสริมธุรกิจซึ่งกันและกันให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยับขึ้นเป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ TOP 10 ของประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า
สำหรับผลประกอบการในปี 2556 นี้ คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 2,300 ล้านบาท และในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ที่เหลืออีก 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ และเตรียมเงินลงทุนมูลค่า 200 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินใหม่ 1 แปลง เพื่อรองรับโครงการที่จะเปิดใหม่ในอนาคต มูลค่าโดยประมาณ 1,400 ล้านบาทอีกด้วย ส่วนในปี 2557 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท