“บล.เมย์แบงก์” เผยประเด็นสำคัญของตลาดหุ้นยังให้น้ำหนักกับโอบามาแคร์ เชื่อตลาดฯ ยังคงมุมมองในเชิงบวก ระบุความกังวลจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อเวลาเดินหน้าเข้าสู่วันที่ 15-17 ต.ค.นี้ ขณะที่ “บล.เคที ซีมิโก้” คาดทิศทางตลาดฯ วันนี้แนวโน้มทรงตัว แนะจับตาปัจจัย “คลัง” ในสหรัฐฯ และผลการดำเนินการ Q3/56 ของ บจ. ที่จะทยอยประกาศออกมา
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (7 ต.ค.) ยังคงไร้ทิศทางที่ชัดเจนเช่นเดียวกับปลายสัปดาห์ เพราะสถานการณ์ในสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป ประเด็นสำคัญยังให้น้ำหนักกับโอบามาแคร์ (Obamacare) ที่ประธานาธิบดี โอบามา และหัวหน้าทีมพรรครีพับบริกัล (Republican) และสมาชิกบางคนในพรรค Republican ยังยืนกรานในจุดของตนเองจนถึง ณ ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นจะยังคงมีความคาดหวังเป็นบวกต่อสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งน่าจะเห็นความกังวลกลับมาอีกครั้ง เมื่อเวลาเดินหน้าเข้าสู่วันที่ 15-17 ต.ค. มากขึ้น
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศมีความเป็นกลาง ทำให้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวไปตามประเด็นข่าวต่างประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้น แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการเก็งกำไรรอบสั้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ มองภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ โดยคาดว่าตลาดฯ จะอยู่ในภาวะทรงตัว และอาจปรับตัวดีได้จากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังต้องรอดูความชัดเจนของการจัดงบประมาณปี 2557 และการขยายเพดานหนี้ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2556 นี้
นอกจากนี้ ยังต้องรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ในขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องรอการรายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2556 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยในวันนี้ให้แนวรับที่ 1,396 จุด และแนวต้านที่ 1,431 และ 1,450 จุด
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้านี้ หลังเปิดครึ่งชั่วโมงดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งบวกและลบ โดยเมื่อเวลา 10.22 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,426.94 จุด ลดลง 0.78 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.05% มูลค่าการซื้อขาย 4,465.21 ล้านบาท